ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 10-06-2023, 10:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ยังสงสัยว่าทำไมพวกเราทำอะไรกันช้ามาก ? เพราะเมื่อครู่นี้อาตมาฉันเสร็จแล้วยังไปทำงานอีกตั้งเยอะ แถมยังล้างหน้าแปรงฟัน แต่งตัวใหม่ด้วย ส่วนพวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย อมขี้ฟันมาด้วย..!

ของพวกนี้เป็นเรื่องที่ฝึกได้ เพียงแต่ว่าการฝึกหัดทุกอย่างระยะแรกต้องลำบาก หลังจากนั้นถึงจะสบาย เพราะว่าฝึกไปนาน ๆ ก็จะกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวเรา เป็นความเคยชิน ซึ่งถ้าเป็นหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ท่านบอกว่าเป็น "ฌาน" ก็คือทำจนชิน ทำจนชินเกิดความหนักแน่นทรงตัว ไม่ต้องบังคับก็เป็นเอง บาลีถึงได้เรียกว่า ฌาน มาจาก ฌานัง ความเพ่ง คือใจจดจ่ออยู่ที่เดียว

ทุกวันนี้พวกเราส่วนใหญ่ปฏิบัติธรรมแล้วไม่พอเลี้ยงกิเลส..! เหตุที่ใช้คำว่าไม่พอเลี้ยงกิเลส ก็เพราะว่าเราทำ ๆ ทิ้ง ๆ ส่วนที่จะพึงใช้ประโยชน์ได้จริง ๆ ก็เลยโดนกิเลสเอาไปกินหมด

พอพวกเราภาวนาไปกำลังใจเริ่มทรงตัว มีกำลังขึ้น แทนที่จะไล่ตีกิเลสให้ถอยไปหรือให้พ่ายแพ้ไปเลย เรากลับเลิก ไปทำอย่างอื่นแทน ให้กิเลสร่าเริงใหม่ ประมาณว่ากลัวกิเลสจะเศร้าหมอง..เราเป็นคนมีเมตตา..!

เมื่อกิเลสเอากำลังของเราไปใช้งาน ก็เลยสามารถที่จะฟุ้งซ่านอย่างเป็นหลักเป็นฐานเป็นการเป็นงาน ฟุ้งอย่างชนิดที่เอาไม่อยู่ ก็เกิดจากพวกเราปฏิบัติธรรมแล้วเอาไปเลี้ยงกิเลสนี่แหละ..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-06-2023 เมื่อ 17:47
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา