ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 18-06-2023, 00:14
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,642
ได้ให้อนุโมทนา: 151,907
ได้รับอนุโมทนา 4,415,569 ครั้ง ใน 34,232 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ธรรมและวินัยนั้น พระอรหันต์ ๕๐๐ รูป ซึ่งมีพระมหากัสสปะเป็นประธาน ได้ทำการสังคายนาร้อยกรองเอาไว้ให้กับพวกเรา เมื่อจัดหมวดหมู่แล้วได้เป็น ๓ ปิฎก ก็คือพระไตรปิฎกนั่นเอง แล้วท่านกล่าวว่า "ครูบาอาจารย์คือพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระไตรปิฎก" ก็แปลว่าท่านมีความเข้าใจผิด อยู่ในลักษณะมิจฉาทิฏฐิเฉพาะตนยังไม่พอ ยังสอนให้คนอื่นเป็นมิจฉาทิฏฐิไปด้วย..!

เรื่องพวกนี้ต้องบอกว่าจะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เนื่องเพราะว่าบรรดาครูบาอาจารย์สมัยนี้นั้น ส่วนหนึ่งก็หลงระเริง เพราะว่าลูกศิษย์ยกขึ้นไป แล้วก็จะกลายเป็นอาจารย์ใหญ่แบบพระกปิละ หรือว่าพระเถระผู้เกิดเป็นปลาทอง ก็คือบัญญัติในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติ เพิ่มเติมในสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่ได้เพิ่มเติม ทั้ง ๆ ที่แม้แต่ศีล ๘ ของฆราวาส ก็ให้เว้นจากการรับประทานอาหารหลังเที่ยงไปแล้ว แต่ท่านก็บอกว่าไม่ได้ระบุชัด จะกินตอนดึก ๆ ก็ได้ อาตมภาพได้ยินแล้วก็ถอนใจ ท่านจะทำให้ลูกศิษย์กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิอีกเท่าไรก็ไม่ทราบ..?!

เนื่องเพราะว่าพระภิกษุ สามเณร แม่ชี ฆราวาสหญิงชาย ที่เป็นพุทธศาสนิกชนนั้น ท่านทั้งหลายก็ต้องยึดถือและปฏิบัติตามแนวทางที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเอาไว้เป็นประการแรก ก็คือยึดถือพระธรรมวินัยในเบื้องต้น รองลงมาก็คือรักษากฎหมายบ้านเมือง รองลงไปก็ต้องกระทำตามจารีตประเพณี เพราะว่าค่านิยมของคนส่วนใหญ่เป็นเช่นนั้น

ดังนั้น..ในเมื่อมีศีลบัญญัติเอาไว้ว่า เว้นจากการฉันอาหารในเวลาวิกาล ซึ่งคำว่าวิกาล วิเป็นอุปสรรค (คำนำหน้า) แปลว่าวิเศษอย่างหนึ่ง แจ่มแจ้งอย่างหนึ่ง แตกต่างอย่างหนึ่ง กาละ คือเวลา ในที่นี้วิกาลก็คือเวลาที่ต่างจากปกติ ก็คือเวลากลางคืน ไม่ใช่กลางวัน ดังนั้น..ที่ท่านบอกว่าดึก ๆ สามารถที่จะฉันข้าวได้ นักปฏิบัติในลักษณะนั้น ถ้ามีสติสัมปชัญญะจริง ๆ คาดว่าคงไม่มีใครเชื่อท่านแน่..

แต่ว่าผู้ที่ขาดสติตามท่านไปก็จะมีอยู่ แล้วไปประพฤติปฏิบัติในสิ่งที่ล่วงพระวินัย คือศีลยังไม่พอ ยังไปล่วงจารีตประเพณี ที่บ้านเราถือว่าการกินอาหารในเวลาวิกาลเป็นเรื่องต้องห้าม ถ้าหากว่าใครทำ บางทีก็เป็นโลกวัชชะ คือ โลกติเตียน ดูเหมือนอย่างกับจะหนักกว่าอาบัติปาราชิก หรือสังฆาทิเสสเสียอีก
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-06-2023 เมื่อ 01:16
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา