วิปัสสนาญาณไม่ใช่รู้เท่าทันปัจจุบันว่ามีอะไรเกิดขึ้น หากแต่รู้ตามความเป็นจริงแล้วยอมรับได้ว่าธรรมดาเป็นอย่างนั้น คนละเรื่องเดียวกัน โดยเฉพาะในเมื่อตนเองใช้แค่ขณิกสมาธิหรืออุปจารสมาธิ แล้วก็จะให้ไปลดศรัทธา วิริยะ สติ ปัญญา ให้ลงไปเท่ากับสมาธิอันน้อยนิดของตนเอง เพราะตำราระบุเอาไว้ชัด ว่าถ้าอินทรีย์ ๕ และพละ ๕ ไม่เสมอกัน โอกาสบรรลุมรรคผลจะไม่มี
กระผม/อาตมภาพก็ยังถามไปเลยว่า "ก็ในเมื่อผมมีเม็ดงาอยู่เป็นเกวียนแล้ว ทำไมไม่ให้ผมใช้ ?" ถ้าหากว่าคุณทรงฌาน ๔ สมาบัติ ๘ ได้ แล้วทำไมไม่ดึงเอาศรัทธา วิริยะ สติ ปัญญา ให้ขึ้นมาเสมอกัน ทำไมเราต้องลดลงไปอย่างเดียว ? เป็นการโง่เกินไปหรือเปล่า ? ที่เราไปประเภทถอดเกราะ วางอาวุธ แล้วก็ขึ้นไปชกกับไมค์ ไทสันด้วยมือเปล่า ก็หาที่ตายชัด ๆ เลย..!
แต่ก็เสียเวลาที่จะไปนั่งเถียงกัน เพราะท่านเชื่ออย่างนั้นไปแล้ว ก็เป็นอันว่าถ้าหากว่าใครเจอกรรมฐานสายนี้ เราเองก็เออ ๆ คะ ๆ ไปตามเรื่อง ส่วนตัวเองรู้ว่าอะไรดีก็ทำตามแบบของเราไป แบบโน้นก็ทำแค่พอเป็นอุปนิสัย ถึงเวลาจะได้มีความรู้ไปส่งอารมณ์ได้ก็จบแล้ว
เรื่องพวกนี้ก็คือการใช้ปัญญาอย่างหนึ่ง หลายคนใช้คำว่า "อยู่เป็น" เราจะเห็นว่ามีพรรคการเมืองบางพรรคอยู่ไม่เป็น เดินหน้าหาศัตรูทั่วประเทศไทย ถึงเวลาจ้องจะไปปิดสวิตช์เขา แต่พอจะโหวตนายกฯ ก็ต้องไปอาศัยเขา สรุปแล้วก็คือยกหินทุ่มใส่ขาตัวเอง แล้วก็ไปบ่นว่าคนอื่นเอาหินมาขวางทาง กระผม/อาตมภาพฟังแล้วก็เครียดเหมือนกัน ปล่อยให้การเมืองเป็นเรื่องของการเมืองไปก็แล้วกัน เรายืนดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ ก็พอ..
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๒๓ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 24-06-2023 เมื่อ 01:00
|