แต่พระองค์ท่านตรัสต่อไปว่า ยตฺถ เนว ปฐวี น อาโป น เตโช น วาโย ก็คือ สถานที่นั้น ไม่ใช่ดิน ไม่ใช่น้ำ ไม่ใช่ไฟ ไม่ใช่ลม
น อากาสานญฺจายตนํ น วิญฺญานญฺจายตนํ น อากิญฺจญฺญายตนํ น เนวสญฺญานาสญฺญายตนํ ไม่ใช่ทั้งอากาสานัญจายตนะ วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ และเนวสัญญานาสัญญายตนะ ซึ่งเป็นอรูปพรหม
นายํ โลโก น ปรโลโก ก็คือไม่ใช่ทั้งโลกนี้และไม่ใช่ทั้งโลกอื่น
น อุโภ จนฺทิมสุริยาไม่ใช่ทั้งพระอาทิตย์พระจันทร์ทั้งสอง
ตมหํ ภิกฺขเว เนว อาคตึ วทามิ น คตึ ก็คือไม่ใช่ทั้งที่เคลื่อนไป และที่ไม่ได้เคลื่อนไป
น ฐิตึ น จุตึ ไม่ได้ตั้งอยู่ ไม่ได้จุติ
น อุปฺปตฺตึ ไม่ได้อุบัติ คือเกิดขึ้น
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งเป็นอัจฉริยะมนุษย์สุดประเสริฐ อธิบายในส่วนที่เป็นปัจจัตตัง คือการรู้เฉพาะด้วยใจของตนเอง ออกมาได้ดีที่สุดแล้ว
เนื่องเพราะว่าธรรมะหรือสภาวธรรมนั้นเป็นของละเอียด ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ด้วยคำพูดหรือว่าตัวหนังสือที่เป็นของหยาบได้ ต้องสัมผัสด้วยใจของตนเอง ที่ภาษาบาลีว่า ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ ก็คือวิญญูชนผู้ตั้งใจปฏิบัติแล้วจักรู้ได้เฉพาะตน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-07-2023 เมื่อ 03:55
|