ดังนั้น..เราจะเห็นว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงห้ามพระสาวกไม่ให้แสดงฤทธิ์ ผู้ใดแสดงฤทธิ์ทรงปรับอาบัติ และเป็นการปรับอาบัติที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจเสียด้วยว่า ไม่ว่าจะปรับอย่างไรก็ได้ ก็คือไม่ได้กำหนดเอาไว้ สูงสุดตั้งแต่ปาราชิก ขาดความเป็นพระไปเลย จนกระทั่งถึงปาจิตตีย์ ไม่เอื้อเฟื้อพระวินัย สามารถปรับได้ทุกอย่าง
เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะพระองค์เกรงว่าบุคคลจะไปติดในเรื่องของฤทธิ์เรื่องของอภิญญามาก จนกระทั่งลืมการวางกำลังใจให้เข้าถึงคุณพระรัตนตรัยอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นพื้นฐานของการที่จะเข้าถึงมรรคถึงผล โดยเฉพาะเข้าถึงพระนิพพาน
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ กระผม/อาตมภาพ นำมาบอกกล่าว เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้มีความเข้าใจอย่างชัดเจนว่า การเหาะ การหายตัว การย่นระยะทางนั้น ต่างกันอย่างไร แต่ว่าท่านทั้งหลายอย่าได้สนใจตรงนั้นมากจนเกินไป เนื่องเพราะว่าถ้าหากว่ามัวเสียเวลาอยู่ตรงนั้น ถ้าเราเองเสียชีวิตลงไปเสียก่อน คุณงามความดีอื่น ๆ ที่จะช่วยให้เส้นทางในวัฏสงสารของเรารวบรัดตัดตรง หรือว่าสั้นลงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงจิตถึงใจของเรา เนื่องเพราะว่าเราไปสนใจผิดที่ผิดทางนั่นเอง
ลำดับถัดจากนี้ไป กระผม/อาตมภาพก็ต้องเดินทางไปยังประเทศศรีลังกา จึงขอสมมติยุติการบันทึกเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนลงแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันศุกร์ที่ ๑๔ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-07-2023 เมื่อ 18:12
|