ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 24-07-2023, 01:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,704
ได้ให้อนุโมทนา: 152,039
ได้รับอนุโมทนา 4,418,446 ครั้ง ใน 34,294 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

คราวนี้ด้วยความที่มีคนอยากจะปฏิบัติหน้าที่นี้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัส ในตอนที่อนุเคราะห์ต่อพระปูติคัตตติสสะ ที่เจ็บไข้ได้ป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เน่าไปทั้งตัว ไม่มีใครดูแล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องไปต้มน้ำร้อนเช็ดตัวให้ จนกระทั่งเปลี่ยนผ้าเปลี่ยนผ่อนพอเป็นที่สบาย ก็ตรัสว่า อะจิรัง วะตะยัง กาโยฯ เป็นต้น

บทที่พวกเราเอามาใช้บังสุกุลเป็นนั่นแหละว่า ดูก่อน ติสสะ ร่างกายนี้เมื่อปราศจากวิญญาณแล้ว ก็เหมือนกันขอนไม้ที่กลิ้งอยู่บนพื้นดิน ไม่มีใครต้องการอีก พระปูติคัตตติสสะท่านพิจารณาธรรมแล้ว ก็เลยบรรลุมรรคผลพร้อมกับนิพพาน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "บุคคลใดที่ปรารถนาจักอุปัฏฐากตถาคต พึงอุปัฏฐากภิกษุไข้เถิด การอุปัฏฐากภิกษุไข้ มีอานิสงส์เหมือนกับการอุปัฏฐากตถาคต"

ดังนั้น..ในส่วนของหลวงตาปรีชานี้ ถ้าหากว่าพวกเรามีโอกาส ก็ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไปดูแล ไม่มีอะไรไปชวนคุยก็ยังดี เพราะว่าคนป่วยส่วนมากแล้วจะเครียด ถึงเวลาไม่ได้อย่างใจก็อาละวาด กระผม/อาตมภาพเจอมาเยอะต่อเยอะแล้ว เพราะว่าชีวิตนี้อยู่โรงพยาบาลไปเกือบครึ่งหนึ่ง ดูแลพ่ออยู่ ๖ ปี ดูแลแม่ ๓ ปี ดูแลหลวงปู่มหาอำพัน - พระภาวนาปัญญาวิสุทธิ์ (อำพัน อาภรโณ บุญ-หลง) อีก ๔ ปี ดูแลจนกระทั่งมั่นใจว่า ตัวเองเจ็บไข้ได้ป่วยขนาดไหน มีต้องคนดูแลแน่นอน เพราะว่าอานิสงส์ประเภทนี้สร้างไว้เยอะมาก

ส่วนเรื่องอื่น ๆ ที่อยากจะบอกก็คือ วันนี้ได้ให้ไอ้ตัวเล็กเอาเหรียญของอาจารย์ปู่ คือพระครูรัตนาภิรมย์ วัดบ้านแพน พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุงไปลงเว็บ พวกเราที่เป็นลูกหลาน ถ้าหากว่าต้องการก็เข้าไปบูชากันเอาเอง เพราะว่าพระระดับนั้น ต้องบอกว่าหายากมาก ท่านเป็นพระสายปกครอง แต่ว่าบอกอนาคตหลวงพ่อฤๅษีฯ ตรงเป๊ะทุกเรื่องเลย..!

สมัยนั้นพระปกครองมีอีกรูปหนึ่ง ก็คือหลวงปู่จีน วัดเจ้าเจ็ด เป็นพระครูพรหมวิหารคุณ นั่นก็เหมือนกัน ช่วงกลางคืนหลวงพ่อท่านตั้งใจว่าจะไปเยี่ยม พอตอนเช้าขึ้นมา ท่านก็สั่งลูกศิษย์ต้มน้ำร้อนล้างนอกชานกุฏิตัวเอง เพราะว่าท่านเบื่อคนไปขอหวยกันมาก ถึงเวลาปัสสาวะใส่กระโถนก็สาดมันหน้ากุฏินั่นแหละ เหม็นตลบไปหมด มีปัญญามึงก็นั่งเฝ้าไปสิ..! แต่คราวนี้พอหลวงพ่อฤๅษีฯ ท่านตั้งใจจะไปกราบ จะเอาปิ่นโตไปถวายเพล ท่านต้องให้ลูกศิษย์ต้มน้ำร้อนขัดเรือนชานของกุฏิ เพื่อที่จะไม่ให้เหม็นมากนัก สมัยนั้นไม่ได้มีไลน์ ไม่ได้มีมือถือนะ จะได้โทรบอกกัน แค่คิดว่าจะไปเท่านั้น

อยุธยาช่วงนั้นต้องบอกว่าเป็นตักศิลาของพระอริยเจ้าเลย อย่างเช่น หลวงปู่อยู่ (พระครูรัตนาภิรมย์) วัดบ้านแพนก็ใช่ หลวงปู่สังข์ วัดน้ำเต้าก็ใช่ หลวงปู่ขัน วัดนกกระจาบก็ใช่ ยิ่งหลวงปู่ปั้น วัดพิกุลยิ่งหนักเข้าไปใหญ่ ท่านเป็นระดับอาจารย์ของอาจารย์เลย แล้วก็มาหลวงปู่จีน วัดเจ้าเจ็ด หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค หลวงปู่จง วัดหน้าต่างนอก แจวเรือไปหากันไม่กี่นาทีก็ถึงแล้ว ตกคลั่กอยู่ที่เดียวกันหมด
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 24-07-2023 เมื่อ 06:46
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 45 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา