จะว่าไปแล้ว สัตว์มีสามัญสำนึกและสติรู้น้อยกว่าคน เขายังสามารถที่จะเอาตัวรอดได้
สมัยยังอยู่ที่เกาะพระฤๅษี ตอนนั้นไก่จะมีเยอะมาก พออาตมาไม่อยู่ ปัจจุบันนี้แทบจะไม่มีเหลือ เพราะว่าพอไม่อยู่แล้ว เขาไปตัดกิ่งไม้ ตัดให้เหลือแค่ที่ตัวเองคิดว่าดี..
แต่ไก่ขึ้นต้นไม้ไม่ได้ ไก่ต้องอาศัยกิ่งไม้ต่ำ ๆ ก่อน พอบินขึ้นไปเกาะสักกิ่งหนึ่งได้แล้ว ก็จะค่อย ๆ บินขึ้นไปตามกิ่งทีละช่วง แล้วจะไปอาศัยนอนปลายกิ่ง เพราะถ้าหากมีศัตรูมา กิ่งไม้ไหวจะได้รู้ตัวก่อน แต่ปลายกิ่งนั้นจะต้องอยู่ใต้กิ่งอื่น.. ป้องกันไม่ให้ศัตรูที่มาจากข้างบนทำอันตรายได้
ทีนี้คนตัดก็ไม่ค่อยสังเกต ไปตัดกิ่งไม้เสียเหี้ยนเตียน ไก่ก็เลยไม่มีที่นอน พอไปนอนข้างล่างศัตรูเข้าถึงได้ง่าย..ก็เรียบร้อย
และที่เห็นชัดที่สุดก็คือ เวลาแม่ไก่เลี้ยงลูก พอได้สัก ๑๐ วัน หรือครึ่งเดือน แม่ไก่จะบินขึ้นต้นไม้ ไม่ยอมนอนข้างล่าง เพราะรู้ว่าข้างล่างอันตรายมาก ลูกไก่แหกปากร้อง แม่ไก่ก็เรียกอยู่ข้างบน..ให้ขึ้นมา ลูกไก่ก็ต้องพยายามขึ้นไป ปีกลูกไก่เล็กนิดเดียว บินขึ้นไปได้สัก ๒ ศอก ก็หล่นลงมา ก็ต้องหาทาง.. กิ่งไหนที่พอจะขึ้นถึง ก็บินขึ้นไปเกาะ...
ค่อย ๆ ขึ้นไปทีละช่วง.. แม่ไก่จะเรียกจนกว่าลูกจะขึ้นมาครบ ถ้าเรียกจนค่ำแล้ว ลูกยังขึ้นมาไม่ครบ แม่ไก่จะหุบปากเลย "ถ้าไม่ตายเสียก่อน พรุ่งนี้เจอกัน" เอาอย่างนั้นบ้างไหม ?
สมัยก่อนคุณมงคล ลูกชายเจ้าของบ้านอนุสาวรีย์ฯ เขาเบื่อที่พวกเรามากันเยอะแยะ เขาบอกว่าสำหรับเขานะ พวกที่ยืนด้วยตัวเองไม่ได้ ก็ปล่อยให้ตายไปเสียเลย ใช้วิธีคัดเลือกแบบธรรมชาติ ผู้ที่แข็งแรงจึงจะรอดจากวงจรกิเลสได้
ฉะนั้น..พวกเราควรที่จะระมัดระวังอยู่จุดหนึ่งคือ ความหวังพึ่งพิงคนอื่นมากเกินไป ถ้าตราบใดที่ยังรู้สึกว่าตัวเองมีที่พึ่งอยู่ ก็จะไม่ใช้ความพยายามจริง ๆ ต้องตัดหาง ไม่ใช่ตัดหางแล้วปล่อยวัดนะ ตัดหางแล้วปล่อยเข้าป่า...ป่ากิเลส ถ้ารอดออกมาแล้วค่อยว่ากันใหม่
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-11-2014 เมื่อ 01:45
|