ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 26-07-2023, 00:46
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,906 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

อีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของครูบาอาจารย์ที่มรณภาพแล้วสังขารไม่เน่าเปื่อย ก็มีจากหลายสาเหตุด้วยกัน สาเหตุที่หนึ่งก็คือเจ้าของอธิษฐานร่างทิ้งไว้ให้ สาเหตุที่สองก็เรื่องของพระ เรื่องของเทวดาสงเคราะห์เช่นกัน สาเหตุที่สาม เกิดจากการกินว่านยาบางอย่างเป็นประจำ

ส่วนสาเหตุสุดท้ายนั้น เกิดจากการเสกข้าวกินด้วยคาถาบางบท ถ้าทำต่อเนื่องในระยะเวลาที่ยาวนาน ความคงกระพันที่เกิดขึ้น แม้กระทั่งตายไปแล้วสังขารก็ยังเหมือนกับเป็นหิน ท่านทั้งหลายจะเห็นได้ว่า แม้แต่การที่มรณภาพแล้วสังขารไม่เน่าเปื่อย ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะยืนยันถึงมรรคถึงผลได้

เพราะฉะนั้น..ในส่วนของการเป็นพระธาตุก็ดี ในส่วนของการที่ครูบาอาจารย์มรณภาพแล้วสังขารไม่เน่าเปื่อยก็ตาม อย่าได้ถือเป็นสาระ สาระสำคัญก็คือ ครูบาอาจารย์ท่านมีวัตรปฏิบัติอย่างไร โดยเฉพาะท่านมีคำสอนไว้ว่าอย่างไร ถ้าหากว่าดูจากวัตรปฏิบัติของท่านแล้ว เราชอบใจ เห็นว่าไม่ผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย ก็ให้เร่งปฏิบัติตาม ถ้าหากว่าคำสอนของท่าน พิจารณาแล้วว่าไม่ผิดเพี้ยนจากพระธรรมวินัย เราฟังแล้วชอบใจก็ให้เร่งรีบปฏิบัติตาม นั่นถึงจะเป็นการปฏิบัติ
ที่ถูกต้อง ต่อบุคคลที่มรณภาพแล้วอัฐิกลายเป็นพระธาตุ หรือว่ากายสังขารไม่เน่าเปื่อยไปตามกาลเวลา

ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาอธิษฐานทิ้งไว้ให้ก็ดี จะเป็นพระ เป็นพรหม เป็นเทวดา ท่านสงเคราะห์เพื่อกำลังใจของคนหมู่มากก็ตาม เราก็แทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย นอกจากยึดกายสังขารของท่านเป็นอนุสติ หรือว่ายึดในอัฐิธาตุของท่านเป็นอนุสติ แล้วก็ไปได้ไม่ไกลเกินนั้น จึงเป็นเรื่องที่เราทั้งหลายพึงจะต้องใช้สติสัมปชัญญะ พินิจพิจารณาให้รอบคอบว่าเราหลงประเด็นออกทะเลไปไกลหรือเปล่า ?

อย่างเช่นลูกศิษย์ของครูบาท่านนั้นกับสื่อมวลชนบางสำนัก ก็มีการงัดข้อกัน ทางลูกศิษย์ที่เชื่อถือมั่นใจในครูบาอาจารย์ตัวเอง ทางสื่อสำนักนั้นก็มั่นใจในผลพิสูจน์ของกรมวิทยาศาสตร์ ก็กลายเป็นการถกเถียงปะทะคารมกันในโซเชียล ซึ่งมีแต่จะสร้างกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ให้เกิดมากขึ้น สร้างความแตกแยกในหมู่พุทธศาสนิกชนมากขึ้น

เพราะฉะนั้น..สิ่งหนึ่งประการใดก็ตาม ที่เป็นสาเหตุให้ถกเถียงกันก็ดี เป็นสาเหตุให้ รัก โลภ โกรธ หลง เจริญงอกงามก็ดี หรือว่าเป็นสาเหตุให้แตกความสามัคคีกันก็ตาม เราควรอย่างยิ่งที่จะต้องเว้นให้ห่างเอาไว้ แล้วก็เร่งปฏิบัติตามในไตรสิกขาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

หลักไตรสิกขาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือศีล สมาธิ และปัญญา ที่ยังสมบูรณ์บริบูรณ์ ใครปฏิบัติตามก็จักได้มรรคได้ผลตามวาสนาบารมีของตน ต่อให้เข้าไม่ถึงมรรคผล หนทางการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏสงสารของเราทั้งหลายก็จะหดสั้นลง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-07-2023 เมื่อ 03:11
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 29 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา