คณะแรกสอนว่าต้องปฏิบัติตามวินัยอย่างไร เพื่อให้มีความเป็นพระให้มากที่สุด เป็นการวางรากฐานในเรื่องของศีล แล้วคณะที่สองไป แนะนำวิธีปฏิบัติธรรม เจริญพระกรรมฐานให้ ก็คือการปฏิบัติในสมาธิและปัญญา
จะเห็นว่าคณะสงฆ์ไทยช่วงนั้นมีการทำงานที่เป็นระบบมาก และคิดการรอบคอบเป็นที่สุด แต่เสียดายว่าหลวงปู่อุบาลีท่านสุขภาพไม่ดี ไปเจออากาศชื้น มีแต่ไอทะเล ก็เลยป่วยและมรณภาพที่นั่น ส่วนคณะของพระอริยมุนีที่ไปสอนการเจริญกรรมฐาน เดินทางกลับมาผลัดเปลี่ยนให้สมณทูตชุดใหม่ไปได้
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา คณะสงฆ์ศรีลังกาจึงเรียกตัวเองว่าสยามวงศ์บ้าง อุบาลีวงศ์บ้าง บางคนก็เรียกรวมว่าสยาโมปาลีวงศ์บ้าง ก็คือสยามะ + อุบาลี แปลงอะกับอุ เป็นโอ เป็น สยาโมปาลี แบ่งเป็น ๒ ฝ่าย ก็คือฝ่ายศึกษาพระไตรปิฎกและพระวินัยเรียกว่าฝ่ายมัลละวัตตะ ฝ่ายศึกษากรรมฐานหรือสายวัดป่าเรียกว่า ฝ่ายอัสคีรียะ
ศรีลังกาเป็นต้นแบบพระพุทธศาสนาสำคัญในเมืองไทยมากต่อมากด้วยกัน อย่างเช่น โรงเรียนพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ เราก็เอามาจากศรีลังกา สมณศักดิ์และพัดยศ เราก็เอามาจากศรีลังกา แม้กระทั่งการสร้างเจดีย์ ก็เรียกว่าเจดีย์ทรงลังกา การแบ่งพระเป็นพระบ้านพระป่าที่เรียกว่าคามวาสีและอรัญวาสีก็ได้มาจากศรีลังกา
เมื่อถึงเวลาบ้านเราไปที่โน่นเป็นสยามวงศ์ พอเราเอาแบบการปฏิบัติของเขามาใช้ในประเทศไทย ก็ไปเรียกว่าลังกาวงศ์ ก็เลยจะงง ๆ กันอยู่หน่อยว่าต่างกันตรงไหน เป็นอย่างเดียวกันนั่นแหละ เพียงแต่ว่าถึงเวลา เราส่งไปเขาส่งมา ส่งไปจากไทยก็เป็นสยามวงศ์ รับมาจากศรีลังกาก็เป็นลังกาวงศ์
ประเทศศรีลังกาให้เกียรติคนไทยมาก เพราะถือว่าพระพุทธศาสนาตั้งอยู่ได้เพราะความเมตตาของคณะสงฆ์ไทย ดังนั้น..ถ้าหากว่าคนไทยไป เพื่อที่จะสักการะพระบรมธาตุเขี้ยวแก้ว ให้ดูตู้ซื้อตั๋วให้ดี ๆ มีตู้เฉพาะคนไทย ราคาถูกกว่าต่างชาติหลายร้อย ถ้าเจอตู้ For Thailand Only ก็หยอดเงิน รับตั๋วเข้าไปได้เลย ตั๋วคนไทยราคา ๑,๕๐๐ รูปี ตั๋วคนพม่า ๑,๗๐๐ รูปี ตั๋วคนต่างชาติ ๒,๕๐๐ รูปี พระภิกษุสงฆ์เข้าฟรี อาตมภาพไปที่นั่นแล้วมีบัตรเบ่ง วัดใหญ่วัดสำคัญขนาดไหนก็เข้าฟรี..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 27-07-2023 เมื่อ 02:45
|