โดยเฉพาะถ้าสมาธิทรงตัวเป็นอัปปนาสมาธิ คือทรงฌานได้ตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป ถ้ากำลังทรงตัว องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "มารจักมองไม่เห็น" เนื่องเพราะว่าบริวารของมารก็คือ รัก โลภ โกรธ หลง โดนอำนาจสมาธิกดจนดับนิ่งสนิท ไม่สามารถที่จะเกิดได้ชั่วคราว
ในเมื่อไม่มีบริวารของมารคอยส่งข่าวว่าเราอยู่ที่ไหน ต่อให้เรานั่งอยู่ตรงหน้า มารก็มองไม่เห็น จากนั้นเราก็เพียรพยายามใช้ปัญญาที่เกิดจากความสงบระงับของกิเลส ทำให้จิตใจผ่องใส ปัญญาก็จะแหลมคมแกล้วกล้า ในการเลิกคบหากับกิเลส การที่เราเลิกคบหากับกิเลส มีปัญญาเป็นหลัก แต่ก็มีศีลกับสมาธิเป็นเครื่องช่วย
พวกเราส่วนใหญ่แล้ว พอถึงเวลาปฏิบัติธรรมจนกำลังใจทรงตัวแล้ว มักจะรักษาเอาไว้ไม่เป็น เมื่อถึงเวลาเลิกปฏิบัติ ลุกขึ้น เราก็ทิ้งหมดเลย ทำให้กิเลสเจริญงอกงามใหม่ บางคนก็ "วนลูป" ตามภาษาวัยรุ่น ก็คือครั้งแล้วครั้งเล่า วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ขยันมาก เจริญสมาธิทุกวัน แต่หาความก้าวหน้าไม่ได้เลย แทบจะโดนรุ่นหลังเขาตราหน้าว่า ปฏิบัติธรรมมานานขนาดนี้ ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้นมาเลย ก็เพราะว่าเราทำแล้วเรารักษาอารมณ์ใจนั้นไม่เป็น ในเมื่อรักษาอารมณ์ใจไม่เป็น ไม่สามารถที่จะละ คือผละห่างจากกิเลสได้ ก็ไม่ต้องพูดว่าเราจะเลิก ก็คือไม่คบหากับกิเลสอีก
ดังนั้น..เมื่อทุกท่านปฏิบัติภาวนาจนกำลังใจทรงตัวแล้ว ให้ตั้งสติประคับประคองกำลังที่เราทำได้ ไม่ว่าจะอยู่ในสมาธิระดับไหนก็ตาม พยายามรักษาให้อยู่กับเราให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ใหม่ ๆ นาที ๒ นาทีก็พังแล้ว แต่หลังจากที่พยายามประคับประคองไปก็ได้ ๓ นาที ๕ นาที ๑๐ นาที ๑๕ นาที ๒๐ นาที ได้ครึ่งชั่วโมง ได้ ๑ ชั่วโมง ๒ ชั่วโมง ๓ ชั่วโมง ได้เป็นครึ่งวัน ได้เป็นวัน ได้หลาย ๆ วัน ได้เป็นอาทิตย์ ได้เป็นเดือน ได้เป็นปี
ยิ่งสภาพจิตของเราปราศจากกิเลสกำเริบมาทำให้ขุ่นมัวนานเท่าไร ปัญญาเราจะยิ่งเกิดมากเท่านั้น รู้ว่าทำอย่างไรที่เราจะเลิกกับกิเลสได้ ไม่ได้ง่ายเหมือนกับส่งไลน์บอกเลิกแฟน..! ต้องขึ้นอยู่กับ สติ สมาธิ ปัญญา ทั้งหมดของเรา ที่จะทุ่มเทลงไปชนิดที่เอาชีวิตเข้าแลก..!
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-08-2023 เมื่อ 03:17
|