ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 14-09-2023, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,653
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,416,033 ครั้ง ใน 34,243 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

กว่าที่อาณาจักรพุกามจะเจริญรุ่งเรืองก็ไม่ใช่ของง่าย แต่ว่ามาโดนกุบไลข่าน กษัตริย์มองโกลตีพังราบไป เพราะว่าตอนช่วงนั้นกองทัพม้ามองโกลยิ่งใหญ่มาก ตีไปยันเอเซียกลางจนถึงยุโรปโน่น แล้วก็โชคดี เหตุที่บอกว่าโชคดีก็เพราะว่า พอกุบไลข่านตีอาณาจักรพุกามได้ ก้าวต่อไปก็จะมาสุโขทัย แต่ว่าเกิดการแย่งชิงราชสมบัติกันขึ้นมาก่อน กุบไลข่านจึงต้องถอนกำลังกลับ ต้องบอกว่าเป็นบุญของอาณาจักรสุโขทัย ที่ทำให้เกิดเรื่องขึ้นมาภายใน จนกองทัพมองโกลต้องล่าถอยไปเอง ไม่อย่างนั้นแล้ว เราไม่มีทางที่จะต้านแสนยานุภาพกองทัพมองโกลได้เลย

ในเมื่อชาวมอญโดนกดขี่ข่มเหงมาตั้งแต่ยุคอาณาจักรพุกาม แล้วก็มาถึงในยุคปัจจุบัน จะเรียกว่าปัจจุบันก็ไม่ได้ เพราะว่านับเป็นชั่วอายุคนแล้ว ก็คือช่วงที่บรรดาชนเผ่าต่าง ๆ ของพม่า ร่วมกันทำ "สนธิสัญญาเวียงปางหลวง" ว่าถ้าหากช่วงชิงเอกราชคืนจากอังกฤษได้ จะอยู่รวมกันเป็นประเทศพม่า ๑๐ ปี หลังจากนั้นแล้วก็แยกย้ายกันไปตั้งประเทศของใครของมัน ถ้าหากว่าเป็นไปตามสนธิสัญญานี้ ก็จะมีประเทศมอญ ประเทศพม่า ประเทศกะเหรี่ยง ประเทศกะฉิ่น ประเทศฉานหรือสยาม ซึ่งก็คือไทใหญ่ เหล่านี้เป็นต้น

แต่ปรากฏว่าโดนทหารพม่าหักหลัง มีการเข่นฆ่าผู้นำในช่วงที่กำลังประชุมกันเพื่อที่จะแยกประเทศ แล้วจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ชาวมอญก็ยังไม่มีประเทศเป็นของตนเอง

แม้ปัจจุบันนี้จะมีรัฐมอญ หรือที่เรียกว่า Mon State ของพม่า โดยมีเมืองหลวงคือมะละแหม่ง ซึ่งคำว่า มะละแหม่งนี้ ถ้าหากว่าเขียนเป็นภาษาอังกฤษ จะมีคนส่วนหนึ่งอ่านว่า เมาะลำเลิง แต่ถ้าออกเสียงแบบพม่าว่า โมละเหมี่ยย คนไทยมักจะฟังเป็นเมาะลำไย ซึ่งก็คืออันเดียวกัน ก็เลยทำให้ชาวมอญส่วนหนึ่งที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารพระมหากษัตริย์ไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา มีความเป็นมอญที่เข้มข้นมาก

ขณะเดียวกันก็ยึดถือพระพุทธศาสนาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต จึงทำให้ชาวมอญไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ตาม พระพุทธศาสนาก็เจริญรุ่งเรืองที่นั่น เอาแค่ทองผาภูมิของเรา ถ้าไม่มีพี่น้องชาวมอญเป็นหลักในการใส่บาตร ๕ - ๖ วัดที่บิณฑบาตอยู่ในตลาดทองผาภูมิ ก็ไม่มีทางที่จะมีอาหารพอขบฉัน
เนื่องเพราะว่าคนไทยของเราไม่มีกำลังใจในการสร้างบุญกุศลเหมือนอย่างกับพี่น้องมอญพม่า ซึ่งเขาทั้งหลายเหล่านั้นหวังความสุขในชาติต่อ ๆ ไปจากบุญกุศลที่ตนเองทำ ในขณะที่คนไทยของเราประมาทเป็นอย่างยิ่ง

จึงขอฝากพวกเราเอาไว้ว่า ในเรื่องของบุญของกุศล ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา ในแต่ละวันเราต้องทำให้ได้มากที่สุด คือถ้าหากว่าไปไม่ถึงจุดสุดท้าย ก็คือหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน อย่างน้อยบุญก็จะช่วยสร้างความสุขให้แก่เราในชาติต่อ ๆ ไปได้

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๓ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 14-09-2023 เมื่อ 02:31
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 34 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา