ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 10-10-2023, 01:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,659
ได้ให้อนุโมทนา: 151,997
ได้รับอนุโมทนา 4,416,255 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

แต่สิ่งที่ตั้งใจกระทำก็คือ ก่อนที่จะ "ปิดคอร์ส" วิชานั้น จะบอกกล่าวเขาทั้งหลายอยู่เสมอว่า พวกท่านเป็นพระภิกษุสามเณร ถ้าไม่สามารถที่จะสร้างความเจริญให้กับพระพุทธศาสนาได้ ก็อย่าทำให้พระพุทธศาสนาต้องพังลงไปเพราะพวกคุณเอง เท่าที่สอนอยู่หลายปี เจตนามีอยู่แค่นี้เท่านั้น ก็คือปลุกจิตสำนึกให้เขาทั้งหลายเหล่านั้นยังระลึกถึงความเป็นพระเป็นเณรของตนเองอยู่

เนื่องเพราะว่าหลายต่อหลายวิชานั้น มีฆราวาสมาเรียนร่วมด้วย โดยเฉพาะสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ สาขาวิชาบริหารรัฐกิจ ปัจจุบันนี้ก็มีสาขาวิชาการพัฒนาสังคม สาขาวิชาวิปัสสนาภาวนา
พอเรียนร่วมกันแล้ว ไม่พระภิกษุสามเณรของเราก็ฆราวาสนั่นแหละ ลืมตัว..ลืมสถานภาพตัวเอง ก็คือแทนที่จะรู้สึกว่าตัวเองเป็นพระเป็นเณร ก็ไปรู้สึกว่าเป็นเพื่อนกับฆราวาส โดยเฉพาะผู้หญิง ส่วนฆราวาสชายหญิง แทนที่จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นปูชนียบุคคล ต้องรู้จักรักษาระยะห่าง ก็กลายเป็นเห็นเป็นเพื่อน ตีสนิท ยังดีที่ไม่กอดคอกันไป..!

กระผม/อาตมภาพถึงได้ชื่นชมมากว่านิสิตของวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรีศรีไพบูลย์ที่สอนมา ปัจจุบันนี้ท่านเป็นอาจารย์อยู่ ก็คือคุณกัญญาพร สุทธิพันธ์ อีกท่านหนึ่งก็คือคุณพรลักษณ์ แม้นบุตร สองท่านนี้คุยกับพระ คุยกับเณร หรือคุยกับครูบาอาจารย์ที่เป็นพระ ไม่เคยยืนเสมอเลย คุกเข่ากับพื้นตลอด นั่นคือความรู้ตัว มีสติ เห็นว่าอีกฝ่ายก็คือปูชนียบุคคลที่ควรแก่ความเคารพ ไม่ใช่เพื่อนที่จะไปตีเสมอด้วย

กระผม/อาตมภาพถึงได้กล่าวว่า เรียนไปเท่าไรก็ได้ แต่ขึ้นอยู่กับจิตสำนึกของแต่ละคน ขึ้นอยู่กับสติสัมปชัญญะของเรา และท้ายที่สุดขึ้นอยู่กับ หิริ โอตัปปะ ต้องรู้จักละอายชั่ว กลัวบาป รักศีลของตัวเอง ระงับยับยั้งชั่งใจเอาไว้ สิ่งใดที่ละเมิดศีล เราก็ไม่ไปด้วย

กระผม/อาตมภาพเองเรียนมาตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรบริหารกิจการคณะสงฆ์ ปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอก ใช้เวลาเกือบ ๑๐ ปี ถ้าหากว่าว่ากันตามหลักสูตรก็ ๑๐ ปีเต็ม และมีหลายคนใช้เวลาเกิน ๑๐ ปี อย่างเช่นบางท่านเฉพาะเรียนปริญญาเอก ว่าไป ๘ ปี เพียงแต่กระผม/อาตมภาพเรียนเร็ว จบเร็ว ก็เลยใช้เวลาไม่ถึง
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-10-2023 เมื่อ 02:14
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา