ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 15-11-2023, 23:41
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,681
ได้ให้อนุโมทนา: 151,934
ได้รับอนุโมทนา 4,417,229 ครั้ง ใน 34,271 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ในส่วนที่กระผม/อาตมภาพเคยกังวลก็คือว่า เรื่องของการใช้เวทมนตร์คาถานั้น จำเป็นที่จะต้องหน่วงจิต ยึดเกาะสมาธิ หรือว่ายึดเกาะนิมิต จนกระทั่งมีความชำนาญ นึกเมื่อไร สมาธิก็ทรงตัว หรือว่านึกเมื่อไร ก็สามารถที่จะเกาะนิมิตได้ทันที

แต่ว่าสิ่งทั้งหลายที่ว่ามานี้ก็คือการทำให้เรายึดติด ถ้าต้องการความหลุดพ้นจริง ๆ จะเป็นตัวที่คอยขัดขวาง เนื่องเพราะว่าการชำนาญของเราทำให้เกาะนิมิต หรือว่าเกาะสมาธิแบบไม่ปล่อย ทำอย่างไรที่เราจะซักซ้อมการเข้าออกสมาธิจนมีความคล่องตัว นึกจะเข้าในระดับไหนก็ได้ นึกจะออกเมื่อไรก็ได้ และที่แน่ ๆ พร้อมที่จะปล่อยวางได้ทุกเวลา..!?

คราวนี้การที่พระท่านถามว่า "ทำอย่างไรจะทรงฌานได้ ?" จึงเป็นแค่ปัญหาเบื้องต้นเท่านั้น และคาดว่าผู้ถามไม่ได้ลงมือทำเลย เพราะว่าถ้าลงมือทำอย่างจริง ๆ จัง คำตอบแทบทุกอย่างในการปฏิบัติธรรมอยู่ที่สมาธิแทบทั้งนั้น เนื่องเพราะว่าถ้าสมาธิทรงตัวก็จะรักษาศีลทุกสิกขาบทได้บริสุทธิ์บริบูรณ์ เนื่องจากว่าสมาธิทรงตัว สติก็ตั้งมั่น ไม่พลั้งเผลอไปละเมิดศีล ทำให้มีกำลังในการหักห้ามใจตนเองไม่ให้ละเมิดศีล

ขณะเดียวกันเมื่อสมาธิทรงตัว สภาพจิตก็จะสงบระงับ ทำให้ปัญญาเกิดขึ้นได้ง่าย ก็จะทำให้เราสามารถใช้ปัญญาพินิจพิจารณา จนกระทั่งรู้แจ้งเห็นจริง ว่าสิ่งทั้งหลายทั้งปวง ไม่มีอะไรควรแก่การยึดมั่นถือมั่น เพราะว่าประกอบไปด้วยความไม่เที่ยง เกิดขึ้นในเบื้องต้น เปลี่ยนแปลงไปในท่ามกลาง สลายไปในที่สุด

ถ้าเราไปยึดถือมั่นหมาย เราก็จะเป็นทุกข์ เพราะว่าไม่มีอะไรเป็นตัวตนเราเขาให้ยึดถือมั่นหมายได้ ถ้าสามารถปลดใจจากการยึดเกาะได้มากเท่าไร เราก็สามารถเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้าได้มาเท่านั้น ต่อให้ไม่สามารถหลุดพ้นได้ในชาตินี้ ก็ยังเป็นพื้นฐานให้ชาติต่อ ๆ ไป เราสามารถเข้าถึงมรรคถึงผลได้ง่ายกว่าผู้อื่น

หรือว่าบางท่านเป็นพระอริยเจ้า อย่างเช่นพระโสดาบัน หรือว่าพระสกทาคามี เกิดชาติต่อไปก็ทรงความเป็นพระอริยเจ้าอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าหลายท่าน ถ้ามาในสายสุกขวิปัสสโก เป็นผู้เข้าถึงมรรคถึงผลโดยที่ไม่มีความรู้พิเศษอย่างอื่น บางทีต่อให้เป็นพระโสดาบัน ก็ไม่รู้ว่าตนเองเป็นพระโสดาบัน แต่ถ้ามีผู้รู้มาบอกกล่าวว่า พระโสดาบันมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ท่านทั้งหลายเหล่านี้ก็จะเห็นว่าตนเองทำได้แล้วทั้งสิ้น เพียงแต่ไม่ได้ทึกทักว่าตนเองเป็นพระโสดาบัน
เนื่องเพราะว่าพระอริยเจ้าทั้งหลายจะทรงความไม่ประมาทเป็นปกติ ต่อให้รู้ว่าตนเองเป็นเพราะคุณสมบัติเหล่านี้ ก็ยังคงรักษาคุณสมบัติเหล่านั้นต่อไป แล้วพยายามทำให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 16-11-2023 เมื่อ 03:15
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 31 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา