ส่วนอีกรูปหนึ่งก็แย่พอกัน ก็คือบรรดานักศึกษาสาว ๆ ก็น่าจะเป็นเพื่อนร่วมห้อง ล้อมวงกันในลักษณะช่วยกัน "บูม" ที่หลวงพี่จบแล้ว กูจะบ้า..! ก็คือคนทำก็ไม่รู้ว่าอะไรผิดอะไรถูก ส่วนพระที่เป็นฝ่ายรับการกระทำก็สิ้นสติ..! ทำให้กระผม/อาตมภาพไปนึกถึงมหาวิทยาลัยนาลันทา ไอ้ที่พังลงไปก็เพราะว่าพระเราในยุคนั้นส่วนใหญ่สิ้นสติ เน้นวิชาการมากกว่าการปฏิบัติธรรม ต่อให้ไม่มีกองทัพมุสลิมเข้ามา ก็อยู่ได้อีกไม่นานเหมือนกัน
ยังโชคดีที่ว่ามหาวิทยาลัยสงฆ์ โดยเฉพาะในส่วนของมหานิกาย ก็คือมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อย่างน้อยก็บังคับให้มีการปฏิบัติธรรมทุกปี ถ้าเป็นระดับประกาศนียบัตรหรือว่าปริญญาตรี ก็ปีละ ๑๐ วัน ปริญญาโทก็ปีละ ๑๕ วัน ปริญญาเอกหนักหน่อย โดน ๔๕ วัน นี่ไม่ได้กล่าวถึงสาขาวิปัสสนาภาวนานะ สาขาวิปัสสนาภาวนา ระดับประกาศนียบัตร ๓ เดือน ระดับปริญญาตรีนี่ไม่แน่ใจว่ากี่เดือน ระดับปริญญาโท ๗ เดือน ระดับปริญญเอกได้ยินว่าปฏิบัติธรรม ๑ ปี เอาให้บรรลุกันไปเลย..!
ถ้าหากว่ายังมีตรงนี้คอยค้ำอยู่ มหาวิทยาลัยของเราถึงจะมีพวกนอกคอก นอกลู่นอกทางอยู่บ้าง ก็ยังพอที่จะยืนหยัดต่อไปได้ แต่ถ้าหากว่าหมดตรงนี้ไปเมื่อไร จะถึงความพังพินาศในเวลาอันรวดเร็ว เพราะว่าปัจจุบันนี้ก็วิ่งตามโลกมากจนเกินไป เกือบจะลืมธรรมไปแล้ว..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพฤหัสบดีที่ ๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-12-2023 เมื่อ 02:49
|