ทำอย่างไรอย่าให้ยินดียินร้ายกับสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น เพราะว่าเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ถ้าใครสามารถที่จะทำใจแบบนี้ได้ โอกาสที่จะเอางานมาเป็นธรรม เอาธรรมไปเป็นงานก็จะมีมาก ทำให้เราก้าวใกล้มรรคผลเข้าไปเรื่อย ๆ ยิ่งทำงานมากเท่าไร โอกาสเข้าถึงมรรคผลก็ยิ่งมีมากเท่านั้น
กระผม/อาตมภาพเองเป็นบุคคลที่ครูบาอาจารย์สั่งอะไรมาก็รับทำตลอดชีวิต แปลว่าต้องสู้กับงานจนกระทั่งหมดลมกันไปข้างหนึ่ง จึงจะสมกับเป็นทหารในกองทัพธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะมาแสดงความอ่อนแอต่อหน้าข้าศึกว่าเราป่วยอยู่ อย่าเพิ่งรบกันเลย เชื่อว่าข้าศึกคือกิเลส ก็คงจะไม่ฟังเสียงของเราหรอก..!
ดังนั้น..มีวิธีเดียวก็คือสู้กันจนกระทั่งหมดลมกันไปข้างหนึ่ง ถ้าหากว่าเราชนะ หนทางการเวียนว่ายตายเกิดก็จะรวบรัดตัดสั้นลง หรือสิ้นสุดลงไปเลย แต่ถ้าหากว่ากิเลสชนะ เราก็คงต้องเวียนว่ายตายเกิด ทนทุกข์ทรมานไปอีกหลายต่อหลายชาติ จึงเป็นเรื่องที่ญาติโยม ตลอดจนกระทั่งพระภิกษุสามเณร ควรที่จะยึดถือเป็นอุทาหรณ์ในการปฏิบัติธรรมของเรา
เรื่องของงานไม่มีคำว่ามาก เพราะว่าทุกอย่างที่ทำนั้น เป็นบุญเป็นกุศลแก่ตัวเราเองทั้งสิ้น บุญกุศลนี้ย่อมส่งผลให้การปฏิบัติธรรมของเรามีความเจริญก้าวหน้า ส่วนในทางโลก บุญกุศลก็สร้างความคล่องตัวให้ในทุก ๆ ด้านอยู่แล้ว ก็แปลว่า เรายิ่งทำยิ่งได้ แล้วแต่ว่าใครจะมองเห็นประโยชน์มากหรือน้อย
บุคคลที่มองเห็นประโยชน์มาก ก็ทุ่มเทให้กับการงานเหล่านั้นมากโดยไม่กลัวเหนื่อย ไม่กลัวลำบาก บุคคลที่เห็นประโยชน์น้อย ก็พยายามที่จะหลบจะเลี่ยง แต่เป็นที่น่าเสียดายว่า ท่านทั้งหลายอาจจะต้องเสียเวลาในการเวียนว่ายตายเกิด ทนทุกข์ทรมานไปอีกเนิ่นนาน ทั้ง ๆ ที่หนทางลัดมีอยู่แล้ว แต่เนื่องจากว่าเป็นทางที่ลำบาก ท่านทั้งหลายจึงไม่ยอมเดินไป คิดแต่จะเดินในหนทางที่ง่าย ซึ่งเป็นทางที่ยาวไกลกว่ามากนัก..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันเสาร์ที่ ๙ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๖๖
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-12-2023 เมื่อ 01:25
|