ถ้าหากว่าเป็นสมัยกระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ รับประกันได้ว่า สามเณรโดนผู้ปกครองตัวเองฟาดซ้ำแน่นอน..! เพราะสมัยนั้นถ้าหากว่าลูกโดนหลวงพ่อลงโทษ ก็แปลว่าเหลือเข็นแล้ว ถ้ากลับไปฟ้องพ่อฟ้องแม่ก็โดนซ้ำอยู่ตรงนั้นแหละ..!
แต่ก็อย่างว่า..สภาพสังคมเปลี่ยนไป แล้วในขณะเดียวกันหลวงพ่อเองท่านก็คงจะลืมว่า สังคมในปัจจุบันนี้ไม่เหมือนกับสมัยที่ท่านยังหนุ่ม ๆ อยู่ ก็คิดว่าทำเหมือนเดิมได้ ลืมไปว่าเก้าอี้ระดับเจ้าคณะจังหวัดคนต้องการเยอะมาก เลื่อยขาเก้าอี้ท่านหกคะเมนไปแล้ว ดีไม่ดีตัวเองก็ไม่ได้อะไรเลย แต่กูขอเลื่อยเอาไว้ก่อน..!
กระผม/อาตมภาพก็อนาถใจในวงการของพวกเรา เพราะว่าเดี๋ยวนี้สมมติสงฆ์ที่บวชตามประเพณีมีมาก บวชเข้ามาแล้วก็แบก รัก โลภ โกรธ หลง ไว้เต็มที่ ลืม "สมณสัญญา" คือความรู้สึกมีสติว่าเราเป็นนักบวช ลืม "สมณสารูป" ว่าเป็นนักบวชแล้วควรที่จะคิดอย่างไร พูดอย่างไร ทำอย่างไร ก็เลยไปแก่งแย่งชิงดีกัน อะไรที่เป็น ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ก็แย่งกันเข้าไป ลืมที่นักปราชญ์ท่านบอกเอาไว้ว่า "ถ้าแย่งกันเป็นใหญ่จะไม่ได้เป็นสักคน ถ้าแบ่งกันเป็นใหญ่ จะได้เป็นทุกคน"
แม้แต่คณะสงฆ์ทองผาภูมิของเรา เวลาไปไหนเจ้าคณะอำเภอ ๑ รูป รองเจ้าคณะอำเภอ ๒ รูป ไปกันเป็นทีม อำเภออื่นเขายังบอกว่า "ทำไมอำเภอทองผาภูมิมันรักกันแท้วะ..?!" กระผม/อาตมภาพตอบง่าย ๆ ว่า "ถ้าเราไม่แย่งตำแหน่งกัน ก็รักกันได้ทุกคน" ฟังแล้วจะรู้จักคิดบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ ?!
เพียงแต่ว่าเรื่องพวกนี้ก็คงจะ "ดราม่า" ไปอีกหลายวัน ก็ต้องดูว่าหลวงพ่อท่านจะออกมาบอกมากล่าวอะไรบ้าง หรือทำเฉย ๆ ไปเลย เพราะว่าเป็นเรื่องในขอบเขตหน้าที่ปกติอยู่แล้ว ใครไม่รู้ก็ปล่อยให้ไม่รู้ต่อไป สร้างเวรสร้างกรรมให้กับตัวเองต่อไป
บางอย่างเรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่อง ก็เป็นขึ้นมาได้ ท่านทั้งหลายจึงต้องระวังให้มากเอาไว้ โดยเฉพาะพวกที่นิยมถ่ายรูปถ่ายคลิปกันนักหนา บางทีเราไม่รู้สึกหรอกว่า เรื่องนั้นมีอะไรที่น่าเกลียดน่าชัง หรือว่าผิดพลาด แต่พอไปกระทบสายตาชาวบ้านเมื่อไร ก็เป็นเรื่องเมื่อนั้น..!
ดังนั้น..เราจะต้องสังวรไว้เสมอว่า ตัวเราอยู่ในสายตาชาวบ้านเขา จะทำอะไรก็ตาม อาจจะก่อความเสียหายให้กับตนเอง ครูบาอาจารย์ วัดวาอาราม ตลอดจนพระพุทธศาสนา จึงต้องระลึกอยู่เสมอ ในลักษณะที่ว่า อยู่คนเดียว ต้องคิดว่าเราอยู่หลายคน ทำอะไร ต่อให้เพื่อน ๆ ไม่รู้ ผีสางเทวดาก็รู้ อยู่หลายคนทำตัวเหมือนอยู่คนเดียว คือรักษากำลังใจของตนเอง ไม่ให้หวั่นไหวไปกับ รัก โลภ โกรธ หลง ถ้าสามารถทำอย่างนี้ได้ ก็พอที่จะเอาตัวรอดได้
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๑๐ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2024 เมื่อ 02:01
|