เรื่องต่อไปก็คือ เรื่องที่มีพระภิกษุรูปหนึ่ง ไปช่วยเหลือญาติโยมผู้หญิงที่เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยที่กล่าวว่า "เรื่องของศีลพระเอาไว้ทีหลัง ชีวิตคนนั้นสำคัญกว่า..!" ส่วนอีกท่านหนึ่งก็ดูแลแม่ของตนเอง มีการอาบน้ำ เช็ดตัว ป้อนข้าวให้ โดยที่กล่าวว่า "แม่คือพระอรหันต์ของลูก ตนเองเป็นแค่พระธรรมดา ทำไมจะดูแลปรนนิบัติพระอรหันต์ไม่ได้ ?" ฟังดูแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี มีแต่คนสาธุการ แต่ความจริงแล้วเป็นเรื่องที่ผิดล้วน ๆ..!
ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า อย่างพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน วัดบางนมโค ท่านก็นำโยมแม่ของท่านมาอยู่วัด ปรนนิบัติรับใช้ เช็ดเนื้อ เช็ดตัว ซักผ้า ซักผ่อนให้ แล้วก็มีคนไปตำหนิท่านว่า "เป็นพระทำไมเอาผ้านุ่งผู้หญิงซึ่งเป็นของต่ำไปตากไว้แถวกุฏิ ไม่สมควรที่พระจะทำอย่างนั้น" กระผม/อาตมภาพยังสะใจ ที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ท่านตอบว่า "แกยังขึ้นกุฏิข้าได้ แกออกมาจากตรงนั้นของแม่เลย ไม่ต่ำกว่าผ้าถุงอีกหรือ ?" ซึ่งทำเอาบรรดาทายกผู้รู้ดี ถึงขนาดพูดไม่ออกไปตาม ๆ กัน..!
แต่ในเรื่องนั้น ท่านทั้งหลายต้องเข้าใจว่า หลวงปู่ปาน วัดบางนมโคนั้น ท่านทรงสมาบัติ ๘ ได้คล่องตัว ชนิดที่จะเข้าเมื่อไรก็ได้ จะออกเมื่อไรก็ได้ สามารถตั้งเวลาได้ตามใจนึกของตน ท่านแค่เข้าสมาบัติไปก็ไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพราะว่า รัก โลภ โกรธ หลง โดนระงับลงชั่วคราว ข้ออาบัติของพระภิกษุก็คือ ภิกษุจับต้องกายหญิง แม้แรกเกิดในวันนั้นด้วยจิตกำหนัด ต้องอาบัติสังฆาทิเสส คือขาดจากการเป็นพระไปเลย จนกว่าจะโดนลงโทษด้วยการอยู่ปริวาส เมื่อเก็บมานัตต์ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว จึงมารับการสวดอัพภาณคืนความเป็นสงฆ์ให้อีกครั้งหนึ่ง
เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลย กับพระรูปที่ไปช่วยผู้หญิงที่เกิดอุบัติเหตุ เนื่องเพราะว่าศีลพระ ทำให้ท่านเป็นพระหรือไม่เป็นพระ ถ้าหากว่าท่านไปจับต้องกายหญิงด้วยจิตกำหนัดแม้เพียงแวบเดียว ก็ขาดความเป็นพระไปแล้ว ไม่ได้คุ้มค่าอะไรเลย ถ้ามีความจำเป็นในลักษณะนั้น สวมถุงมือยางหนา ๆ เสียยังดีกว่า ทำให้ท่านทั้งหลายสามารถที่จะจับต้องกายหญิงได้
แต่ว่าต้อง "รีบทำรีบจบ" ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้สวมถุงมืออยู่ ถ้าท่านเกิดจิตกำหนัดขึ้นมา กระผม/อาตมภาพถ้าพิจารณาตามมหาปเทส ๔ ก็ต้องบอกว่า เรื่องที่ไม่สมควร เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่สมควร ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเช่นกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 18-01-2024 เมื่อ 01:26
|