คราวนี้ในส่วนของฤกษ์พรหมประสิทธิ์นั้น บางทีพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านก็ใช้คำว่าฤกษ์มหาเศรษฐี เนื่องเพราะว่าจากที่สมัยนั้นท่านไปเทศน์ มีอยู่ปีหนึ่งผ่านไปทางอ่างทอง มีเพิงมุงจากเล็ก ๆ อยู่เพิงหนึ่ง ทอดกล้วยแขกขายอยู่ ปรากฏว่าปีถัดไป ผ่านไปเทศน์ทางด้านนั้นอีกครั้ง เพิงมุงจากที่เคยแวะไปขอน้ำเขาฉัน กลายเป็นตึกแถวสองคูหา พระเดชพระคุณหลวงพ่อก็สงสัยมากว่า ทอดกล้วยแขกขายอย่างเดียว ถึงขนาดสร้างตึกได้เลยหรือ ? จึงเข้าไปสอบถามเจ้าของร้าน เขาบอกว่าได้ฤกษ์ดีมาจากหลวงพ่อที่วัด ท่านบอกว่าเป็นฤกษ์เศรษฐี ทำอะไรก็รวยไปหมด
พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจึงตามไปถึงที่วัด แต่ปรากฏว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านค้นตำรามาให้ดู เป็นใบลานแค่แผ่นเดียว มีฤกษ์ด้านหน้า ๑ วัน ด้านหลัง ๑ วัน อีก ๕ วันไปเดากันเอง ท่านบอกว่า "ผมก็ได้มาแค่นี้แหละ" เป็นตำราตกทอดมาแต่โบราณ หลวงพ่อท่านจึงจดรายละเอียดฤกษ์ทั้ง ๒ วันนั้น แล้วไปหอสมุดแห่งชาติ ค้นคว้าจนกระทั่งได้ฤกษ์พรหมประสิทธิ์นั้นมาครบถ้วน
แต่คราวนี้ด้วยความที่เวลาคนไปขอฤกษ์ แล้วหลวงพ่อท่านก็ให้วันโน้นบ้าง วันนี้บ้าง แม้กระทั่งหลังจากที่กระผม/อาตมภาพศึกษาฤกษ์พรหมประสิทธิ์จนปรุโปร่งแล้ว ก็เจอว่ามีโยมท่านหนึ่งไปขอฤกษ์ แล้วหลวงพ่อท่านให้ฤกษ์สมตนไป ก็คือฤกษ์พรหมประสิทธิ์นั้นจะมีฤกษ์ที่ดี ก็คือ สิทธิโชค มหาสิทธิโชค อมฤตโชค แต่ว่าบุคคลนั้นได้แค่ฤกษ์สมตน ก็คือเสมอตัวไป
กระผม/อาตมภาพคิดว่าหลวงพ่อท่านดูผิด จึงเข้าไปทักท้วงท่าน พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอกว่า "เจ้านั่นมันมีบุญแค่นั้น ถ้าให้ฤกษ์ไปเกินบุญ เดี๋ยวมันจะเดือดร้อน" กระผม/อาตมภาพกราบเรียนถามว่าเดือดร้อนอย่างไรครับ ? ท่านบอกว่า "ถ้าคนมีกำลังแบกข้าวสารได้แค่ ๑ ถัง แล้วแกโยนข้าวสารไปให้กระสอบละ ๑๐๐ กิโลกรัม มันจะรับไหวไหม ?"
กระผม/อาตมภาพเพิ่งจะเข้าใจเดี๋ยวนั้นเอง แสดงว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านจะต้องเป็นบุคคลที่ชำนาญในยถากัมมุตาญาณและในจุตูปปาตญาณอย่างยิ่ง จึงจะทราบรายละเอียดถึงระดับนั้นได้
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-01-2024 เมื่อ 01:32
|