ดูแบบคำตอบเดียว
  #2  
เก่า 26-01-2024, 00:03
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,720
ได้ให้อนุโมทนา: 152,086
ได้รับอนุโมทนา 4,418,959 ครั้ง ใน 34,310 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

วันนี้ตรงกับวันพฤหัสบดีที่ ๒๕ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ กระผม/อาตมภาพเดินทางไปยังจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อที่จะไปทำการวางศิลาฤกษ์ที่วัดศิลาวาส ตำบลปิงโค้ง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ จึงไม่ได้อยู่ลงอุโบสถทบทวนพระปาฏิโมกข์ ทั้งที่วันนี้ตรงกับวันพระใหญ่ คือ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนยี่ (๒) จำเป็นต้องมอบฉันทะให้กับพระภิกษุวัดท่าขนุน ๓๗ รูป ลงอุโบสถเพื่อทบทวนพระปาฏิโมกข์แทน

คำว่า มอบฉันทะ ในที่นี้ก็คือ มอบความไว้วางใจให้กับทางคณะสงฆ์ว่า ถ้ามีสิ่งหนึ่งประการใดที่จะลงมติในที่ประชุมสงฆ์นั้น ๆ กระผม/อาตมภาพขอมอบความไว้วางใจให้กับคณะสงฆ์เสียงข้างมาก เพื่อให้ท่านตัดสินใจในการนั้น ๆ แทนตัวกระผม/อาตมภาพเอง ส่วนตนเองนั้น ก็ยังต้องมา "อธิษฐานอุโบสถ" อีกต่างหาก

เรื่องนี้อย่าว่าแต่ญาติโยมที่จะต้องงุนงงสงสัยกับการกระทำเช่นนี้เลย แม้แต่พระภิกษุ ถ้าหากว่ายังเป็นผู้ใหม่อยู่ บางทีก็อาจจะงุนงงสงสัยเช่นกัน เนื่องเพราะว่าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบัญญัติการลงอุโบสถเอาไว้ เพื่อที่ให้คณะสงฆ์ดำเนินการได้อย่างถูกต้อง ก็คือถ้าหากว่าจำพรรษาอยู่แต่ผู้เดียว เมื่อถึงวันพระขึ้น ๑๕ ค่ำ - แรม ๑๕ ค่ำ หรือว่าแรม ๑๔ ค่ำในวันเดือนขาด ให้บุคคลนั้นอธิษฐานอุโบสถเพียงผู้เดียว เรียกว่า "ปุคคลอุโบสถ" โดยที่ตั้ง นะโม ฯ ๓ จบ แล้วตั้งใจรำลึกว่า "อชฺช เม อุโปสโถ" วันนี้เป็นวันอุโบสถของเรา

ถ้าหากว่าอยู่กัน ๒ รูป ให้บอกบริสุทธิ์ต่อกัน แล้วค่อยอธิษฐานอุโบสถ การบอกบริสุทธิ์นั้น อย่างเช่นว่า กระผม/อาตมภาพเป็นผู้อาวุโสกว่า ด้วยอายุพรรษา ก็จะบอกกับผู้น้อยพรรษากว่าว่า "ปริสุทฺโธ อหํ อาวุโส ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรหิ" ถ้าหากว่าเป็นผู้น้อยกว่า ก็จะบอกว่า "ปริสุทฺโธ อหํ ภนฺเต ปริสุทฺโธติ มํ ธาเรถ" แล้วก็ไปอธิษฐานอุโบสถของใครของมัน

แต่ถ้าหากว่าอยู่กัน ๓ รูป จำต้องตั้งญัตติก่อน ก็คือภิกษุทั้ง ๓ รูปมาอยู่รวมกัน แล้วมีภิกษุผู้หนึ่งตั้งญัตติว่า "สุณาตุ เม ภนฺเต อายสฺมนฺตา อชฺชุโปสโถ ปณฺณรโส" ถ้าหากว่าเป็นวันแรม ๑๔ ค่ำก็ใช้ จาตุทฺทโส "สุณาตุ เม ภนฺเต อายสฺมนฺตา อชฺชุโปสโถ ปณฺณรโส ยทายสฺมนฺตานํ ปตฺตกลฺลํ มยํ อญฺญมญฺญํ ปาริสุทฺธิ อุโปสถํ กเรยฺยาม" เมื่อตั้งญัตติแล้วก็ค่อยบอกความบริสุทธิ์กันตามลำดับพรรษา อย่างที่เมื่อครู่นี้ได้กล่าวมา

การที่อยู่ ๒ หรือ ๓ รูป แล้วทำอุโบสถนั้น เรียกกันว่า "คณะอุโบสถ" แต่ถ้าหากว่าอยู่ ๔ รูปขึ้นไป ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นพึงแสดงอาบัติเสียก่อน ถ้าหากว่ามีภิกษุรูปใดรูปหนึ่งต้องอาบัติสังฆาทิเสส จำเป็นต้องสารภาพในท่ามกลางสงฆ์ก่อนว่า ข้าพเจ้าต้องอาบัติสังฆาทิเสสข้อนั้น ๆ แล้วขอคณะสงฆ์เพื่ออยู่ทบทวนพระปาฏิโมกข์ได้ แต่ตามที่กระผม/อาตมภาพปฏิบัติมานั้น บุคคลผู้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส จะให้ท่านแยกออกไป โดยที่ให้ไปอธิษฐานอุโบสถอยู่เพียงผู้เดียวไปเลย
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 26-01-2024 เมื่อ 01:53
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 28 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา