เรื่องนี้กระผม/อาตมภาพเองถือว่าการรักษากำลังใจของตนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องของบุคคลอื่นจะสำคัญขนาดไหนก็ตาม กระผม/อาตมภาพต้องมีเวลาในการรักษากำลังใจของตนเองเอาไว้ก่อน จะไม่ยอมให้ญาติโยมทั้งหลายมารบกวน จนกระทั่งตนเองกำลังตก แล้วก็โดนกิเลสกระหน่ำตีเหมือนสมัยที่บวชใหม่ ๆ อีกแล้ว..!
สมัยนั้นยังดีที่ได้พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณหลวงตาวัชรชัย (พระราชภาวนาพัชรญาณ วิ.) ซึ่งในตอนนั้นก็คือ "หลวงพี่" ของกระผม/อาตมภาพ ท่านได้เตือนว่า "ไม่เกิน ๒ พรรษาเท่านั้น ของถวายจากญาติโยมท่านคงต้องเอาสิบล้อมาขน..!"
เมื่อได้ยินกระผม/อาตมภาพก็รู้ตัว ตัดขาดจากการที่ญาติโยมทั้งหลายมารบกวน เพราะว่าบุคคลที่ไปวัด ก็ควรที่จะไปกราบหลวงพ่อฤๅษีฯ วัดท่าซุง ไม่ใช่มาเกาะอยู่รอบข้างกระผม/อาตมภาพแบบนั้น แล้วตนเองก็เร่งรัดในการปฏิบัติ ชนิดที่ไม่เห็นแก่กินแก่นอน วันหนึ่งนอนประมาณ ๒ ชั่วโมงเท่านั้น และเป็นการนอนแบบทรงสมาธิด้วย ไม่เช่นนั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะเอากำลังที่ไหนไปทำงาน
แต่ละวันเมื่อทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของตนครบถ้วนแล้ว ก็จะตั้งหน้าตั้งตาเดินจงกรม ภาวนา โดยที่ไม่ได้สนใจเวล่ำเวลาว่าจะดึกดื่นเที่ยงคืนตอนไหนทนง่วงไม่ไหว ก็นอนพักสัก ๒ ชั่วโมง แล้วก็ลุกขึ้นมาปฏิบัติใหม่ จนกว่าจะได้เวลาบิณฑบาต ได้เวลาทำความสะอาดวัด หรือว่าต้องไปเข้าเวรหน้าตึกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ตอนนั้นก็จะใช้วิธีประคองอารมณ์ของตนเองเอาไว้
แต่ว่ารุ่นพี่หลายท่านก็จับได้ โดยเฉพาะหลวงพ่อโอ (พระครูสมุห์พิชิต ฐิตวีโร) เมื่อเข้ามาพักก่อนที่ห้องเวรหน้าตึกจะฉันเพล ท่านก็มักจะบ่นว่า "ท่านนี่เอาแต่ภาวนาจังเลยนิ" กระผม/อาตมภาพก็ไม่รู้จะเรียนบอกอย่างไร ว่าตนเองนั้นเข็ดหลาบจากการที่กิเลสตีกลับ เพราะว่าเราไปเผลอหลุดจากการภาวนา ในเมื่อความสามารถไม่เท่ากับท่าน ไม่สามารถที่จะทรงกำลังใจให้ต่อเนื่องได้ เวลาโดนกิเลสตีกลับ ก็ทุกข์ทรมานมาก จึงรู้สึกเข็ดหลาบ ไม่อยากปล่อยให้กำลังใจหลุดจากการภาวนาไปอีกแล้ว
เรื่องทั้งหลายเหล่านี้ บรรดาท่านที่ปล่อยตัวเองตามสบาย ถึงเวลาโดนกิเลสลากเตลิดเปิดเปิงไปเป็นเดือนเป็นปี ถ้าหากว่าท่านรู้สึกเข็ดเมื่อไร ก็ให้เร่งรัดการปฏิบัติแบบที่กระผม/อาตมภาพเคยทำมาก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วอีกไม่นาน ถ้าหากว่ากิเลสมีอำนาจมากกว่า เดี๋ยวท่านก็ต้องสึกหาลาเพศไป หรือว่าถ้าเป็นบุคคลฆราวาส ก็อาจจะเตลิดตามกิเลสไป กว่าจะเลี้ยวกลับมาวัดวาอารามได้อีกที ก็อาจจะหลายปีข้างหน้า หรือว่าจะตายเปล่าไปเสียก่อนก็มี..!
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันจันทร์ที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 13-02-2024 เมื่อ 03:42
|