ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 21-02-2024, 23:17
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,657
ได้ให้อนุโมทนา: 151,979
ได้รับอนุโมทนา 4,416,190 ครั้ง ใน 34,247 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถ้าท่านทั้งหลายต้องการจะให้ได้มากกว่านี้ ด้วยความที่เป็นนักเรียนบาลี เมื่อสามารถที่จะแปลบาลีได้แล้ว ส่วนใดที่เป็นคำสอนขององค์สมเด็จพระประทีปแก้วบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า เราก็เอาคำสอนนั้นมาประพฤติปฏิบัติ ก็แปลว่าได้ทั้งพุทธานุสติ และธัมมานุสติด้วย ถ้าท่านสามารถปฏิบัติ กาย วาจา ใจ ของตน ให้ละกิเลสลดน้อยถอยลงไปเรื่อย จนสามารถที่จะชำระใจให้ผ่องใสถึงที่สุด เราก็สามารถที่จะหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้

สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นคุณใหญ่ในการที่เราสวดมนต์ไหว้พระ ระดับทั่ว ๆ ไปก็แค่สร้างสมาธิให้เกิด ในระดับกลาง เมื่อมีศีลแล้ว มีสมาธิแล้ว ในเรื่องของปัญญาทางโลก ๆ เช่นการเรียนบาลีนั้นก็กลายเป็นเรื่องง่าย เพราะว่าสมาธิของเราทรงตัว ไม่ท้อถอยง่าย ๆ มีความอดทน มีความพากเพียรมากกว่าคนที่ขาดสมาธิ การเรียนบาลีของเราก็จะประสบความสำเร็จได้ง่าย

ท้ายสุดถ้าหากท่านพินิจพิจารณาว่า ขนาดเราเป็นนักบวช มาศึกษาพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังประกอบด้วยความทุกข์ขนาดนี้ ขึ้นชื่อว่าบุคคลอื่นที่จะไม่ทุกข์นั้นไม่มี ดังนั้น..การเกิดมาทุกข์เช่นนี้ เราไม่ปรารถนาอีกแล้ว เราขอไปอยู่ที่พระนิพพานกับองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแห่งเดียวเท่านั้น

หลังจากนั้นท่านก็เอากำลังใจเกาะภาพองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไว้ รักษากำลังใจว่า พระพุทธเจ้าอยู่บนพระนิพพาน เราเห็นพระองค์ท่าน คือเราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน เราอยู่ใกล้กับพระองค์ท่าน คือเราอยู่บนพระนิพพาน แล้วก็สวดมนต์ไหว้พระของเราไปเรื่อย จนกว่าจะจบลงตามที่กำหนดเอาไว้แต่ละวัด ว่าจะทำวัตรกันยาวสั้นเพียงไร

ถ้ามีการซักซ้อมแบบนี้บ่อย ๆ กำลังใจของเราก็จะสะอาดจากกิเลสมากขึ้นไปเรื่อย ๆ จนมีดวงปัญญาเห็นทุกข์เห็นโทษจากการเกิดมามีร่างกายนี้ เห็นทุกข์เห็นโทษของการเกิดมาในโลกนี้ เราก็จะค่อย ๆ ลด ค่อย ๆ ละ การยึดการเกาะในร่างกายนี้ และการยึดการเกาะในโลกนี้ เมื่อถอนความปรารถนาในการเกิด ถอนความยินดีในสิ่งทั้งหลายทั้งปวงลงไปได้ ท่านทั้งหลายก็มีโอกาสที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพาน

เป็นที่น่าเสียดายว่าท่านทั้งหลายอยู่ในส่วนที่ดีที่สุดแล้ว แต่ว่าไม่สามารถที่จะประพฤติปฏิบัติ หรือว่าหยิบฉวยเอาสิ่งทั้งหลายเหล่านั้นมาก่อให้เกิดประโยชน์แก่ตนเองได้ ต้องบอกว่า "ใกล้เกลือกินด่าง" ยกเว้นว่าท่านที่มีโอกาสได้ฟังเสียงธรรมจากวัดท่าขนุนนี้ แล้วเพียรพยายามในการต่อสู้กับกิเลส ต่อสู้กับความง่วงเหงาหาวนอน ลุกขึ้นมาสวดมนต์ไหว้พระทุกวัน

เมื่อกำลังของศีลและสมาธิของท่านมากขึ้น สิ่งที่เราทำก็จะง่ายขึ้นไปเรื่อย ๆ จนท้ายที่สุดก็เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวเรา ไม่สามารถที่จะขาดลงไปได้ เหมือนกับต้องฉันอาหารทุกวัน ต้องดื่มน้ำทุกวัน หรือท้ายที่สุดก็คือ ต้องหายใจทุกวัน..!

ถ้าอย่างนั้นท่านก็จะมีโอกาสสร้างประโยชน์ให้เกิดขึ้นกับตนได้
ไม่เสียทีที่เกิดเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้มีโอกาสบรรพชาอุปสมบท แล้วก็สามารถทำตนให้ได้รับวิมุติรสขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่เสียชาติที่เกิดมา ถ้าสามารถตัดละหนทางการเวียนว่ายตายเกิดลงไปได้ ก็ยิ่งกว่าถูกรางวัลที่ ๑ รวดเดียว ๖๐ ล้านบาทเสียอีก..!

สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันพุธที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 22-02-2024 เมื่อ 03:12
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 40 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา