เราไปไหน แต่ละประเทศนี่อย่าไปเปล่า ต้องเก็บเอาส่วนดีของเขากลับมาบ้านเราให้ได้ โดยเฉพาะสิ่งที่กระผม/อาตมภาพเห็นว่าน่ากลัวที่สุดก็คือ เขาเรียนภาษาไทยอย่างจริง ๆ จัง ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นมัคคุเทศก์ ไม่ว่าจะเป็นคนแนะนำสินค้าอะไร แต่ละคนนอกจากพูดไทยคล่องแล้ว ลูกเล่นพวกเขายังสุดยอดมาก พวกกระผม/อาตมภาพฮากันกลิ้งตรงนั้นแหละ..!
แม้กระทั่งการใช้ภาษาที่เป็นลูกเล่นต่าง ๆ อย่างอุโมงค์ เขาเรียกว่า "หำ" บ้านเราได้ยินก็หัวเราะดิ้นไปแล้ว มหาเศรษฐี เขาเรียก "องจู๋เหี่ยว" ถ้าเศรษฐีนีคือ "บาจู๋เหี่ยว" ถ้าจู๋คุณยังไม่เหี่ยว คุณก็ยังรวยไม่ได้..!
เขาสามารถที่จะเอาภาษาไทยมาเล่นให้คนไทยหัวเราะได้ ส่วนเราเองฟังภาษาเขาเท่าไรก็ไม่เข้าใจ นอกจาก ๑ - ๒ - ๓ - ๔ - ๕ แค่นั้นเอง ไปมากกว่านั้น กูก็ไปไม่เป็น..! เพราะฉะนั้น..เรื่องพวกนี้รัฐบาลของเราต้องคิด เราเข้าอาเซียนมาจะ ๑๐ ปีแล้วนะ จากปี ๒๕๕๘ ปีหน้าก็ ๒๕๖๘ บ้านเราขยับไปถึงไหน ? ขณะที่ต่างประเทศเขา ต้องบอกว่าล้ำหน้าเราไปไกลมากแล้ว
ฝากเอาไว้เป็นการบ้าน เผื่อมีใครในรัฐบาลได้ยินว่า หลวงพ่อวัดท่าขนุนฝากเป็นข้อคิดว่า รอบข้างเขาหากินกับคนไทยมาตลอด แล้วคนไทยเราทำอย่างไร จะหากินกับคนรอบข้างได้บ้าง ? ไม่อย่างนั้นแล้วเราเองก็จะต้องมาดิ้นรนเหนื่อยยากอยู่ ขณะที่รอบบ้านผ่านเมือง เขาโกยเงินจากบ้านเราไปแต่ละปี ไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร ?
สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายแก่พระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้
พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
วันอังคารที่ ๕ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
(ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-03-2024 เมื่อ 04:00
|