ดูแบบคำตอบเดียว
  #4  
เก่า 07-03-2024, 00:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,658 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

เรื่องพวกนี้ถ้าหากว่าเราไปถกเถียงกัน ก็ต้องแม่นในเรื่องพระธรรมวินัยให้มากพอ ไม่อย่างนั้นแล้วอีกฝ่ายหนึ่งยกขึ้นมา อย่างเช่นสมบัติ ๔ ที่ได้กล่าวมาว่า พระพุทธเจ้ากำหนดว่า ถ้าหากว่าอุปสมบทกรรม ประกอบไปด้วยสมบัติทั้ง ๔ นี้ ถือว่าสมบูรณ์ ไม่ใช่นะครับ สมบัติทั้ง ๔ คือสิ่งที่ต้องมีเพื่อให้สังฆกรรมนั้นไปได้ถูกต้อง เหมือนกับรถต้องมีล้อ ถ้าไม่มีล้อ รถไปไม่ได้ แต่ว่าคนขับรถคือพระอุปัชฌาย์ครับ ไม่ใช่คุณไปตั้ง "ออโตไพล็อต" แล้วปล่อยให้รถคันนั้นวิ่งไป โดยที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องมีคนขับก็ได้ ชนฉิบหายมาเท่าไรแล้วก็ไม่รู้..!!?

กระผม/อาตมภาพเสียดายมาก เพราะว่าหลายท่านก็เรียนจบประโยคบาลีสูง ๆ หรือเรียนทางโลกจบปริญญาเอกบ้าง แต่ว่าท่านทั้งหลายเหล่านั้นขาดตถาคตโพธิสัทธา คือการเชื่อมั่นในสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ แล้วก็มักจะไปตีความพระธรรมวินัยเข้าข้างตนเอง ถ้าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้มีมากขึ้น ๆ ก็จะเป็นสนิมเหล็กที่เกิดในเนื้อของตนเอง แล้วก็กัดกินเหล็กนั้นจนผุกร่อน ท้ายที่สุดก็พังทลายลงไป

พระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสว่า
ไม่มีใครที่สามารถทำลายพระพุทธศาสนานี้ได้ นอกจากพุทธบริษัท ๔ ของพระองค์ท่านเอง เนื่องเพราะว่าศาสนาพุทธเป็นของจริง เป็นของแท้ ใครต้องการพิสูจน์ เมื่อเข้ามาปฏิบัติแล้ว ก็จักเป็นไปตามที่พระองค์ท่านตรัสเอาไว้ทุกประการ

เพียงแต่ว่าผู้ที่เป็นพุทธบริษัทนั้น ย่อหย่อนในการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ไม่มีสุปฏิปันโน คือปฏิบัติดี ไม่มีอุชุปฏิปันโน คือปฏิบัติตรง ไม่มีญายปฏิปันโน คือปฏิบัติถูกต้องตามหลักธรรม ไม่มีสามีจิปฏิปันโน คือปฏิบัติชอบแล้วตามที่พระองค์ท่านตรัสเอาไว้ ถ้าอย่างนี้ พระพุทธศาสนาของเราก็พังด้วยมือของคนกันเอง พอได้ยินได้ฟังแล้ว กระผม/อาตมภาพก็รู้สึกว่า เรื่องพวกนี้จะมีมากขึ้นไปเรื่อย ๆ เพราะว่าบุคคลที่มักง่ายอย่างหนึ่ง บุคคลที่ถือตามครูบาอาจารย์ ในลักษณะของอาจริยวาทอย่างหนึ่ง ก็คือ "ครูกูว่ามา ต้องถูกตามนี้"

อย่างที่เมื่อคืนกระผม/อาตมภาพบอกกับคณะนิสิตวิปัสสนาจารย์ว่า ที่ท่านทั้งหลายปฏิบัติมานั้น หลงทางไปมากแล้ว โดยเฉพาะปฏิบัติในญาณ ๑๖ พอลูกศิษย์มาส่งอารมณ์ เฉียดเข้าไปไม่ถึง ๑ เปอร์เซ็นต์ คุณก็ไปฟันธงว่าเขาได้ญาณนั้นแล้ว เริ่มตั้งแต่ญาณที่ ๑ นามรูปปริจเฉทญาณ ญาณที่แยกรูปนามออกจากกันอย่างเด็ดขาด ก็คือเห็นว่าร่างกายนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ท่านทั้งหลายคิดว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ หรือที่คนจะเข้าถึงได้ ?

ไม่ใช่พอถึงเวลา เขาจับพองยุบได้ชัดเจน ไม่สนใจอาการอื่น เอ้า..นี่คือนามรูปปริจเฉทญาณ มึงบ้า..! ไอ้นั่นมันเป็นแค่อาการของสมาธิที่เริ่มทรงตัวเท่านั้น ไม่ใช่สภาพปัญญาที่มองเห็นชัดเจนว่าสิ่งใดเป็นรูปสิ่งใดเป็นนาม พอมองเห็นชัดเจนแล้ว ตระหนักรู้ว่านี่ไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเราอย่างแท้จริง ถึงจะเป็นนามรูปปริจเฉทญาณ ไม่ใช่ญาณ ๑๖ ที่ราคาเป็นหมื่นล้านเป็นแสนล้าน คุณเจอเข้าไปบาทเดียว แล้วเขาก็บอกว่าคุณได้เป็นมหาเศรษฐีแล้ว..!
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 07-03-2024 เมื่อ 04:01
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 35 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา