ใต้ฟ้าอิระวดี ตอนที่ ๑๒
กราบลาท่านอาจารย์ปัญญาสามิตั้งแต่เช้า อากาศกำลังสบาย ถนนหนทางยังโล่ง แต่แย่ตรงที่มันอีหลุปุปะทั้งที่เป็นถนนสี่เลน เทศบาลนครย่างกุ้งอาจจะทำไว้เพื่อจำกัดความเร็วรถยนต์ก็เป็นได้ ไฟเขียวไฟแดงของเขามีตัวเลขดิจิตอลบอกเวลาให้ด้วย ด้านละ ๓๐ วินาที พอฝั่งโน้นแดงปุ๊บ ฝั่งนี้เขียวปั๊บทันที ถ้าเป็นบ้านเราคงชนกันแหลก..!
เข้าร้านอาหารฉันเช้ากันก่อน เป็นกาแฟและครัวซองกับเค้ก เป็นนิสัยที่คนอังกฤษทิ้งเอาไว้ให้ จนกลายเป็นเรื่องปกติของเขา ค่าอาหารแพงเอาการทีเดียว คิดเป็นเงิน ๑,๐๐๐ จั๊ต รู้อย่างนี้ฉันข้าวดีกว่า อาตมาเห็นที่เสียบปากการูปเรือรบสวยดี เหมาะที่จะเอาไว้เสียบปากกาที่หลวงพ่อให้เป็นรางวัล สมัยทำหน้าที่อยู่หน้าตึกของท่าน ราคาตั้ง ๓๕๐ จั๊ต ต่อเท่าไรก็ไม่ลด ต้องยอมซื้อเพราะไม่เคยเห็นที่อื่นมาก่อน ท่านนาวินซื้อแบบเป็นรูปรองเท้าบู๊ต ท่านต้องการแบบเรือรบเหมือนกัน แต่มันมีแค่ลำเดียว...
ภัตตาคารเรือการเวก ในสวนสาธารณะบึงกันดอจี
ไปยังสวนสาธารณะบึงกันดอจี ที่นี่มีเรือการเวกซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวพม่า เหมือนกับเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เป็นสัญลักษณ์ของการท่องเที่ยวไทย ต้องเสียค่าผ่านประตู ๑๐ จั๊ต แม่เจ้าโว้ย...นึกว่าเล็ก ๆ ที่ไหนได้ เจ้าเรือการเวกนี่มันเป็นภัตตาคารลอยน้ำ ขนาดตึกสามชั้นสองหลังแฝดติดกัน มันใหญ่จนหามุมถ่ายรูปไม่ได้เลย..!
ในพื้นที่รอบบึงมีคนแก่มารำมวยจีน เหมือนกับสวนลุมฯ ของเรา มีอีกามากเป็นพิเศษ บึงนี้อยู่หลังเจดีย์ชเวดากอง อีกาพวกนี้น่าจะเป็นพวกเดียวกับที่เจดีย์ อากาศยามเช้าขมุกขมัวมีหมอกลงอีกต่างหาก ขนาดอ้อมมาถ่ายรูปทางด้านนอกบึง ยังไม่มีมุมที่เหมาะเลย คาดว่ารูปเรือการเวกนี้ คงเป็นรูปที่แย่ที่สุดในบรรดารูปทั้งหมดที่ถ่ายไปแล้ว
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-04-2010 เมื่อ 17:27
|