๑๖. ความเห็นพระอาจารย์สิงห์
พระอาจารย์สิงห์ ท่านมีความคิดเห็นว่า ธรรมะของพระพุทธองค์ที่ทรงค้นพบ สั่งสอนให้คนเราหลุดพ้นจากวัฏสังสารทุกข์คือความเวียนว่ายตายเกิด เพื่อไปสู่พระนิพพานคือความดับสนิท
พระสงฆ์ผู้สืบศาสโนวาทของพระพุทธเจ้า พึงปฏิบัติด้วย กาย วาจา ใจ ให้บรรลุตามเป้าหมายของพระพุทธองค์ที่ทรงวางหลักบัญญัติไว้นี้
ในขณะเดียวกันก็จะต้องไม่ลืมความจริงในข้อที่ว่า มนุษย์โดยมากคือคนเราทุกวันนี้ ยังไม่สามารถจะไปนิพพานกันได้ง่าย ๆ ต่างก็ดำเนินชีวิตอยู่เป็นหมู่คณะ มีชุมชนเป็นหมู่บ้าน เป็นเมือง เป็นประเทศชาติ ต้องทำมาหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยความเหนื่อยยาก มีโลภ มีโกรธ มีหลง
ดังนั้นชาวบ้านทั้งหลายจึงเห็นพระสงฆ์องคเจ้าคือผู้ที่ปลดเปลื้องทุกข์ให้พวกเขาไปเสียแทบทุกอย่าง เห็นพระเป็นครูบาอาจารย์ เป็นหมอยา เป็นตุลาการตัดสินปัญหาของชาวบ้านและเป็นอะไรต่อมิอะไรที่จะต้องช่วยชาวบ้านแก้ปัญหาร้อยแปด ซึ่งพระก็ต้องจำใจอนุโลมตามเพื่อช่วยเหลือญาติโยมชาวบ้านไปตามมีตามเกิด
เพราะถ้าไม่ช่วยแล้ว ชาวบ้านก็จะกล่าวหาได้ว่า พระสงฆ์องคเจ้าไม่เห็นมีประโยชน์อะไร ช่วยเหลือชาวบ้านไม่ได้
สิ่งใดมีประโยชน์ บางอย่างทางไสยเวทวิทยาคม เราต้องยอมรับเอาไว้ใช้ในพระพุทธศาสนาบ้าง ไม่ควรจะเหยียดหยามสิ่งที่มีคุณค่าของลัทธิอื่น ๆ โดยไม่อยากจะเอาความรู้สึกดี ๆ ของคนอื่นมาใช้อำนวยประโยชน์ด้วย
ด้วยเหตุนี้พระอาจารย์สิงห์ซึ่งเป็นพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงทางธรรมบาลีอักขรสมัยและไสยเวทวิทยาคมในสมัยนั้น จึงได้ถ่ายทอดวิชาไสยเวท อำนาจจิตให้พระเณรลูกศิษย์ที่สนใจในทางนี้ ควบคู่ไปกับบาลีธรรมด้วย เพื่อที่พระเณรจะได้นำไปสงเคราะห์ชาวบ้านป่า เมืองดง ชนบทที่ห่างไกลความเจริญที่ได้รับทุกข์ภัยเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคร้ายนานา
บ้างก็ถูกคุณไสยต้องอาถรรพ์ บ้างก็ถูกสัตว์ร้ายขบกัด บ้างก็ต้องอุบัติเหตุกระดูกหักรักษาไม่หาย พระก็ต้องใช้เวทมนต์คาถาประสานกระดูกให้ บ้างก็ปัดรังควานและสะเดาะกุมารตายในครรภ์ ฯลฯ ซึ่งแพทย์สมัยใหม่ไม่สามารถจะเดินทางเข้าไปเยียวยารักษาให้ได้เพราะอยู่ห่างไกล
" เป็นวิชาพิเศษที่พระเณรจะต้องเรียนรู้ไว้นะ เพราะพระเณรและวัดเป็นที่พึ่งทางกายทางใจของชาวบ้าน ถ้าชาวบ้านเขามาขอความช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยแล้ว เราช่วยเหลือเขาไม่ได้ ชาวบ้านก็จะกล่าวหาเอาได้ว่า พระเณรบวชเรียนแล้วไม่เห็นทำประโยชน์อะไรให้ชาวบ้านได้ บวชเปลืองผ้าเหลือง เปลืองข้าวสุกชาวบ้านไปเปล่า ๆ เอาสบายแต่ตัวเอง "
พระอาจารย์สิงห์ กล่าวทำนองนี้กับสามเณรแหวนผู้เป็นศิษย์ด้วยความเมตตาเอ็นดู
|