ดูแบบคำตอบเดียว
  #3  
เก่า 20-04-2010, 08:53
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,672
ได้ให้อนุโมทนา: 152,022
ได้รับอนุโมทนา 4,416,807 ครั้ง ใน 34,262 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ดังนั้น..ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า จริง ๆ แล้วในการปฏิบัติกรรมฐานนั้น จะเป็นสมถกรรมฐานก็ตาม หรือวิปัสสนากรรมฐานก็ตาม ในส่วนของลมหายใจเข้าออกหรืออานาปานสตินั้น สามารถที่จะสร้างความสุขให้เราทั้งในปัจจุบัน คือ ถ้าอารมณ์ใจทรงตัวตั้งมั่น จิตไม่ส่งส่ายวุ่นวาย เราก็จะมีความสงบ ความสุข ความเยือกเย็นทั้งกาย วาจา และใจ

ความสุขในอนาคต คือถ้าอารมณ์ใจทรงตัวตั้งมั่นตั้งแต่ปฐมฌานขึ้นไป เราก็ไปเกิดเป็นพรหมชั้นต่าง ๆ ตามกำลังของเราได้ และก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ก็คือว่า สามารถที่จะตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหานเข้าพระนิพพานได้

โดยเฉพาะความพิเศษอีกส่วนหนึ่งก็คือว่า บุคคลที่มีความชำนาญในอานาปานสติจริง ๆ นั้น สามารถรู้วันตายของตนเองได้ แม้ว่าการรู้วันตายนั้นจะไม่ใช่สาระแก่นสารในการปฏิบัติ แต่บุคคลที่มั่นใจ รู้ และเชื่อแน่ว่าตนเองจะต้องตายนั้น ย่อมเป็นผู้ที่ไม่ประมาทในชีวิต มีแต่จะเร่งปฏิบัติภาวนา เร่งการพิจารณาให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป จนกระทั่งท้ายสุดก็ไปสู่จุดหมายของตนคือพระนิพพานได้

ดังนั้น..ในวันนี้ให้ท่านทั้งหลายกำหนดความรู้สึกของตนอยู่ที่ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก หายใจเข้าผ่านจมูก..ผ่านกึ่งกลางอก..ไปสุดที่ท้อง หายใจออกจากท้อง..ผ่านกึ่งกลางอก..มาสุดที่ปลายจมูก จะใช้คำภาวนาอย่างไรก็ได้ที่เราถนัดและชอบใจ หายใจเข้ากำหนดรู้ลมพร้อมกับคำภาวนา หายใจออกกำหนดรู้ลมพร้อมกับคำภาวนา ให้ทุกท่านกำหนดความรู้สึกเอาไว้อยู่แค่ลมหายใจเข้าออก อย่าให้เคลื่อนในสู่อารมณ์อื่น ให้กำหนดรู้อย่างนี้ กำหนดภาวนาอย่างนี้ไปเรื่อย จนกว่าจะได้สัญญาณบอกว่าหมดเวลา


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺปญฺโญ
เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน ณ บ้านอนุสาวรีย์
วันเสาร์ที่ ๓ เมษายน ๒๕๕๓
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-04-2010 เมื่อ 09:20
สมาชิก 50 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา