ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 04-05-2010, 10:56
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,889 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default

๙. “ถ้าหากยอมรับกฎธรรมดานี้อย่างจริงใจ ความสงบจึงจะเกิดได้กับจิต อะไรมากระทบอารมณ์ก็วางได้หมด นี่มันอารมณ์พระอรหันต์นะ หรือเอ็งทำได้ ยังไม่ได้ค่ะ ลูกยังห่วงอยู่กับเหล่าเดียรถีย์ที่เข้ามาในวัด อย่าอ้างคนอื่น กรรมใครกรรมมัน พวกปล้นพระศาสนาหากิน เดียรถีย์-อลัชชี มันมีอยู่เป็นปกติ ตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจงวางใจเสียให้ได้ บันทึกไว้ แต่อย่าเอาจิตไปเกาะความเลวของเขาเข้า ถามจริง ๆ เถอะ เขาทำชั่ว อย่างพระเทวทัต เวลาตกนรกใครตกแทนเขาได้บ้างหรือเปล่า เปล่าค่ะ แล้วเอ็งไปเกาะความเลวของเขา มีสิทธิ์ตกนรกด้วยหรือเปล่า ก็คงมีสิทธิ์ค่ะ นั่นสิ แล้วไปจับความเลวของเขาทำไม ปากบอกว่าจะไปพระนิพพาน แต่จิตเกาะเลวอยู่อย่างนั้น แล้วจะไปได้อย่างไร”

๑๐. “ไม่เอานะ คิดเสียใหม่ ใครดีใครเลวก็เรื่องของเขา เราจะไปนิพพาน จะต้องไม่สนใจเรื่องของคนอื่น ดูกาย ดูจิตของเราเข้าไว้ อย่าให้ไปดีไปเลวตามเขา เพราะนั่นไม่ใช่ของจริง เป็นธรรมของชาวโลก มันพ้นโลกไม่ได้ ต้องหมั่นเอาจิตมาเกาะพระธรรม ปฏิบัติธรรมให้ได้ดีที่สุด พยายามอย่าเหยาะแหยะ ๆ ทำจิตไร้กำลังเสียเรื่อย เอาใหม่นะ ทีมันติดดี ติดเลวของผู้อื่น ทำไมจิตมันถึงตื่นได้ อยากรู้เรื่องของคนอื่นเขาไปเสียหมด”

๑๑. “ให้เอาสภาวะจิตแบบนั้นแหละมาตื่น มาอยากรู้เรื่องของพระธรรมว่า ทำไมพระพุทธเจ้าถึงได้ตรัสอย่างนี้ แล้วทำอย่างไรถึงจะได้ผลตามอย่างนั้น มาตื่นทางธรรม ดีกว่าตื่นทางโลก เราจะไปพระนิพพาน ต้องเพียรรู้เรื่องของพระธรรม ไม่ใช่เพียรรู้เรื่องทางโลก ทำเสียใหม่”

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ลัก...ยิ้ม : 06-05-2010 เมื่อ 09:24
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 20 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา