วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๕๐
การปฏิบัติของเรา ทำไปเพื่อประโยชน์หลายสถานด้วยกัน อันดับแรก เพื่อประโยชน์ของตน พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า
๑.
ทิฏฐธรรมมิกัตถประโยชน์* คือ ประโยชน์ในชาติปัจจุบัน บุคคลที่กำลังใจทรงตัวตั้งมั่นไม่หวั่นไหว จิตใจจะสงบเยือกเย็น มีปัญหาทางโลกก็มีสติแก้ไขได้ มีปัญหาทางธรรมก็มีปัญญาแก้ไขได้ ทำให้เราอยู่สุขอยู่เย็นในชาติปัจจุบันนี้
๒.
สัมปรายิกัตถประโยชน์ อันนี้เป็นประโยชน์ในชาติต่อไป ถ้าหากว่ากำลังใจทรงตัวตั้งมั่น ก็จะไปเกิดเป็นเทวดา เป็นนางฟ้า เป็นพรหมได้ แปลว่า เรามีสุคติเป็นที่ไป
๓.
ปรมัตถประโยชน์ เป็นประโยชน์สูงสุด คือ ประโยชน์ในทางธรรมโดยเฉพาะ ถ้าปฏิบัติดี ปฏิบัติถูก ก็จะเข้าถึงความเป็นพระอริยะเจ้าตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป จนกระทั่งหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพานได้ อันนี้เป็นประโยชน์เฉพาะตัวของเรา
ประโยชน์ต่อไปก็คือว่า คนรอบข้างที่อยู่ใกล้เรา
ถ้าหากว่าเราเป็นผู้ที่ดีพร้อมด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ คนอยู่ใกล้ก็จะสงบเยือกเย็นตามไปด้วย แปลว่า ได้รับความสงบ ความร่มเย็นจากการที่เราเป็นผู้ปฏิบัติดี มีกาย มีวาจา มีใจ ที่ดี
อันดับต่อไปก็คือ
ญาติโยมของเราที่ล่วงลับไปแล้ว ต้องการส่วนกุศลนี้จากเรา แม้แต่บุคคลที่ยังมีชีวิตอยู่ก็ต้องการ ดังนั้นว่า เราทำความดีอยู่ทุกวันนี้ ต้องระลึกอยู่เสมอว่าเราไม่ได้ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น
ยังมีบุคคลอีกจำนวนมากที่ต้องการความดีส่วนนี้จากเรา โดยเฉพาะพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเรามาด้วยความเหนื่อยยาก
หมายเหตุ :
* ขุ.ม. ๒๙/๒๙๒/๒๐๕ ; ๓๒๐/๒๑๗ ; ๗๒๗/๔๓๒ : ขุ.จู. ๓๐/๖๗๓/๓๓๓