ถ้าหากว่าได้ลงไปชดใช้หนี้กรรมในนรก ก็ประมาณอายุได้ยาก เพราะกรรมเก่าที่เราทำไว้มีมาก แล้วยังต้องมาชดใช้หนี้กรรมในแดนเปรต ในแดนอสุรกาย ต้องเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเท่าจำนวนที่เราฆ่าไว้ เคยฆ่าชนิดไหนก็ต้องเป็นคืนชนิดนั้นไป ทำให้เราห่างความดีมากเหลือเกิน
เราเองเกิดเป็นคนได้ ต้องมีต้นทุนเพียงพอ คืออย่างน้อยต้องมีศีล ๕ ที่เขาเรียกว่ามนุสสธรรม คือธรรมที่ทำให้เกิดเป็นมนุษย์
ในเมื่อเรามีต้นทุนเพียงพอแล้ว ขณะเดียวกันเราก็ขวนขวายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะขณะนี้ ทุกคนตั้งใจในการปฏิบัติในศีล สมาธิ ปัญญา ไม่ว่าจะเป็นสภาพของฆราวาส หรือว่านักบวชก็ตาม เราตั้งใจตั้งหน้าตั้งตาทำดี ในเมื่อเราอยู่ในภพภูมิที่ดี ที่เหมาะสม ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ ถ้าเราตั้งใจทำดี ก็ต้องเกิดผลดีกับเราแน่นอน
แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงท้ายของพระศาสนาแล้ว เกิน ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว ในอรรถกถาท่านกล่าวว่า หนึ่งพันปีแรกจะเต็มไปด้วยพระอรหันต์ปฏิสัมภิทาญาณ ไม่ได้หมายความว่ามีประเภทเดียว ทุกประเภทมีครบ แม้กระทั่งพระอริยเจ้าขั้นต้น ๆ ตั้งแต่โสดาปัตติมรรคขึ้นไปก็มี แต่ว่าประเภทปฏิสัมภิทาญาณจะมากที่สุด
พันปีที่สองจะมากด้วยอภิญญาหก พันปีที่สาม จะมากด้วยวิชชาสาม เราจะเห็นว่าที่ท่านกล่าวไว้นั้นถูกต้อง เพราะว่าช่วงนี้อยู่ช่วงพันปีที่สาม แล้วหลวงพ่อของเราก็สอนมโนมยิทธิ มีญาติโยมตลอดจนพระฝึกได้เป็นแสนแล้ว
ช่วงพันปีที่สี่ จะมากด้วยสุขวิปัสสโก ประเภทอื่นก็มี แต่น้อย อย่างช่วงนี้ช่วงพันปีที่สาม ถึงแม้จะมากด้วยวิชชาสาม อภิญญาหกก็มี ปฏิสัมภิทาญาณก็มี แต่น้อย
ท่านทั้งหลายเหล่านี้ถ้าทำได้เมื่อไร ก็จะปรากฏเด่นขึ้นมาเป็นที่พึ่งของชาวบ้านเขาทันที เพราะว่ามีความสามารถมากกว่าคนอื่นเขา ต่อไปพันปีสุดท้ายท่านบอกว่าจะมากด้วยพระอนาคามี ก็แปลว่าพระอรหันต์ยังมีอยู่ แต่น้อยมาก
ดังนั้น..เราอยู่ในช่วงที่ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้ายังสมบูรณ์บริบูรณ์อยู่ ยังอยู่ในช่วงที่การปฏิบัติเพื่อมรรคเพื่อผลยังไม่เรียกว่าขี้เหร่จนเกินไปนัก อย่างไม่มี ก็ยังสามารถที่จะได้วิชชาสามได้
หรือถ้าใครวิสัยเดิมมีอภิญญาหรือปฏิสัมภิทาญาณมาก่อน ก็สามารถที่จะทำได้ อยู่ในช่วงที่อายุขัยเหมาะสมกับการปฏิบัติความดี เราประกอบไปด้วยคุณสมบัติดีที่หาได้ยากจำนวนมากด้วยกัน
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 20-05-2010 เมื่อ 02:53
|