ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 29-06-2010, 23:01
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,685
ได้ให้อนุโมทนา: 151,964
ได้รับอนุโมทนา 4,417,704 ครั้ง ใน 34,275 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default เทศน์ช่วงทำกรรมฐาน วันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๓

ให้ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตน ตั้งกายให้ตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า กำหนดความรู้สึกทั้งหมดอยู่ที่ลมหายใจเข้าออก หายใจเข้ากำหนดรู้ตามเข้าไป หายใจออกกำหนดรู้ตามออกมา จะใช้คำภาวนาอะไรก็แล้วแต่เราชอบ ให้เป็นไปตามความถนัดของเรา

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่ ๖ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการปฏิบัติกรรมฐานวันสุดท้ายของเดือนมิถุนายนนี้ ที่ต้องมาย้ำเกี่ยวกับเรื่องของลมหายใจเข้าออกนั้น ก็เพราะว่าลมหายใจเข้าออกหรืออานาปานสตินั้น เป็นพื้นฐานของกรรมฐานทุกกอง

หากว่ากรรมฐานกองใดไม่ได้ควบด้วยอานาปานสติ กรรมฐานกองนั้นจะไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้
โดยเฉพาะถ้าหากท่านทั้งหลายสามารถทรงอารมณ์ภาวนาได้ เอาแค่ปฐมฌานเท่านั้น เราก็มีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงมรรคถึงผลได้แล้ว

เนื่องจากว่าสภาพจิตของเราที่ส่งส่ายวุ่นวายอยู่นั้น ถ้าหากว่าสงบลง ก็จะมีกำลังในการตัดกิเลส แต่ต้องประกอบด้วยปัญญา เพราะว่าในการปฏิบัตินั้น ศีล สมาธิ ปัญญา ต้องมีโดยครบถ้วนสมบูรณ์ คือ ในตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เรานั่งปฏิบัติอยู่ ศีลทุกสิกขาบทของเราสมบูรณ์บริบูรณ์ ไม่ได้ขาดตกบกพร่อง ก็แปลว่าศีลและสมาธิของเราสมบูรณ์พร้อมแล้ว เหลือแต่เพียงปัญญาเท่านั้น ที่เราจะรู้เท่าทันกิเลสหรือไม่

ถ้าหากท่านทั้งหลาย สามารถทรงฌาน คือ ปฐมฌานได้ โอกาสที่ท่านจะเข้าถึงความเป็นพระโสดาบันและพระสกิทาคามี ก็จะมีมาก แต่ต้องประกอบไปด้วยปัญญาดังที่ได้กล่าวมาแล้ว

จะใช้ปัญญาอย่างไร เราถึงสามารถอาศัยกำลังของปฐมฌานก้าวเข้าสู่ความเป็นพระโสดาบันได้ ? ก็ต้องขอกล่าวว่า ในขณะจิตที่สมาธิดำเนินเข้าสู่ความเป็นปฐมฌานนั้น กำลังของฌานสมาบัติจะไปกด รัก โลภ โกรธ หลง ที่เป็นไฟใหญ่สี่กอง ให้ดับลงชั่วคราวด้วยกำลังของสมาธินั้น

ทันทีที่ไฟใหญ่สี่กองนี้ดับลงไป เราจะเกิดความสุขที่อธิบายเป็นภาษามนุษย์ไม่ได้ เป็นความสุขเยือกเย็นอย่างที่ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อน บุคคลที่โดนไฟเผาอยู่ตลอดเวลา แล้วไฟดับลงนั้น เขามีความสุขอย่างไร ย่อมไม่สามารถที่จะอธิบายให้คนอื่นทราบได้ จัดเป็นปัจจัตตัง คือรู้ได้เฉพาะตนเท่านั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 30-06-2010 เมื่อ 11:26
สมาชิก 55 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา