ดูแบบคำตอบเดียว
  #5  
เก่า 05-07-2010, 20:47
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 31,421
ได้ให้อนุโมทนา: 154,231
ได้รับอนุโมทนา 4,444,541 ครั้ง ใน 35,026 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

ถาม : ผมไปแวะวัดป่าของหลวงปู่มั่น แล้วมีเตียงที่หลวงปู่มั่นเคยเทศน์อบรม ตอนผมกราบ ผมก็ดูกายดูใจเป็นธรรมดา รู้สึกว่ามีอุโมงค์ที่เชื่อมถึงและมีพลังงาน จะว่าสว่างก็สว่างไม่มีประมาณ จะว่าใสก็ใสไม่มีประมาณ จะบอกว่าสว่างหรือใสแต่ก็เป็นลักษณะของสิ่งที่เคลื่อนไหวตลอด และไม่มีที่เกาะเกี่ยว ผมก็นั่งค้างอยู่พักหนึ่ง ผมเข้าใจว่าตรงนั้นเป็นความหมดจดจากกิเลส แต่ว่าตัวเราเองก็ไม่มีสิทธิ์ในตรงนั้น นั่งได้ครู่หนึ่งก็ออกมา
ตอบ : แค่เห็นได้ก็พอแล้ว จะได้รู้ถึงสิ่งที่หลวงพ่อฤๅษีท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า ของใช้ทุกอย่างที่พระอรหันต์ท่านเคยใช้อยู่ จะมีพลังงานของท่านอยู่ เทวดาท่านจะต้องรักษา พูดง่าย ๆ เลยว่า เป็นของที่บังคับเลยว่าเทวดาต้องดูแลรักษา ถ้ายังไม่หมดสภาพอย่างไรก็ต้องเฝ้าเอาไว้

ถาม : ในจุดที่จะไปถึงตรงนั้นได้ เหมือนกับว่าอารมณ์หรือร่างกาย หรือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เป็นสิ่งที่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว พอเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ถ้ามีสติสมบูรณ์ ทุกอย่างก็วางสงบ จะเป็นเสียว ดีใจ เสียใจ ก็จะเป็นของเองอยู่อย่างนั้น เสมือนว่าไม่มีตัวเราเข้าไปเป็นเจ้าของตรงนั้น
ตอบ : ธรรมชาติเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เราสักเพียงแต่ว่ารู้

ถาม : จากนั้นออกมา เหมือนกับว่าโลกที่คุยด้วยเป็นชั้น ๆ ของมันอยู่ ในความคิดที่เกี่ยวข้องกับคน หรือความคิดกิเลสในใจที่ออกมา ก็มีเกิดดับต่าง ๆ มันเป็นชั้น ๆ ของมัน มีความหลง ไม่เข้าใจในความเป็นจริง มันมีกำลังที่จะมาบังคับให้เกิดการกระทำที่เป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้างได้ตลอด แต่ก็เกิดการรู้ในแบบธรรมดาของมัน ทุกก้าวที่เดินจะรู้ถึงที่สุดว่า เป็นธรรมดาอย่างนั้น
ตอบ : พระพุทธเจ้าสอนพวกเรา เพราะท่านมั่นใจในศักยภาพของพวกเราว่า มนุษย์ทุกรูปทุกนามมีศักยภาพพอที่จะหลุดพ้นได้ เพียงแต่ว่าดวงปัญญาจะไปถึงหรือไม่เท่านั้น หากยังไปไม่ถึง สิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่ทำไปยังเกิดจากการปรุงแต่งของใจอยู่ ก็จะทำให้เกิดรัก โลภ โกรธ หลง สร้างเวรสร้างกรรมกันต่อ

แต่ถ้าหากดวงปัญญาถึง สิ่งที่เขาทำ..ก็ทำไปโดยกิริยาอาการที่จำเป็นต้องทำตามสภาพเท่านั้น แต่ว่าสภาพจิตไม่ได้ปรุงแต่งให้เป็นรัก โลภ โกรธ หลง จึงเป็นเพียงกิริยา แต่ไม่เป็นกรรม ในเมื่อถึงตรงจุดนั้นไม่เกิดเป็นกรรมขึ้นมา ก็ถือว่าทุกอย่างจบ สิ้นสุดผลกรรมลงแต่เพียงนั้น
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 06-07-2010 เมื่อ 03:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 200 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา