ดูแบบคำตอบเดียว
  #9  
เก่า 08-07-2010, 09:14
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default


ประการสุดท้าย เรารู้ได้อย่างไรว่าเมื่อเราทำบุญเสร็จแล้ว เราจะไม่ตาย เพราะความตายไม่มีนิมิต ไม่มีเครื่องหมายบอกเราให้รู้ล่วงหน้า เราอาจถูกงูกัดตายเมื่อเดินไปยังไม่พ้นวัด อาจหัวใจวายตาย อาจมีอุบัติเหตุตายคือ ตายได้ทุกเวลา แต่หากตายในขณะที่จิตเราบริสุทธิ์ ใกล้เคียงกับพระโสดาบัน หรือเท่ากับพระโสดาบัน เราก็ไม่มีทางตกนรก ผลใหญ่อยู่ที่จุดนี้ แต่หากมันไม่ตายก็ดี เราจะได้บำเพ็ญบารมีต่อไปจนกว่ามันจะหายโง่

พอออกจากวัด ศีลมันจะพร่องไปก็ไม่เป็นไร เวลาเราไปไหว้พระสวดมนต์ ก่อนนอนก็ดี ตอนตื่นเช้าก็ดี ก็ใช้อุบายอย่างนี้แหละ คือ อย่าลืมพุธธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ และเอาจิตตั้งเจตนาที่จะงดเว้นไม่กระทำความชั่ว ๕ อย่าง โดยไม่จำเป็นต้องอาราธนาศีล แค่จิตตั้งเจตนาต่อหน้าพระ หรือต่อพระในจิต หรือนิมิตพระในจิต ก็เป็นศีลทันที (การรับศีลหรือสมาทานศีลสักร้อยครั้ง พันครั้ง หากจิตไม่มีเจตนาที่จะงดเว้นตามแล้ว รับศีลกี่ครั้งก็ไม่เป็นศีล แต่การตั้งเจตนาที่ใจเรา ที่พระในใจเรา ตั้งใจที่ไหน เมื่อใด ก็เป็นศีลทันที)

ผู้ฉลาดมีปัญญา เวลาไหว้พระที่บ้านทุกครั้ง เขาก็น้อมเอาพระรัตนตรัยเข้าไปไว้ในใจเขา น้อมเอาพระภายนอกให้เข้าไปเป็นพระภายใน ทำศีลให้บริสุทธิ์ในช่วงนั้น การกระทำของเขา หากทำบ่อย ๆ ทุกวัน จิตเขาก็จะชินต่อความดี ชินต่อจริยาของพระโสดาบัน หรือจิตเป็นฌาน (ฌานก็คือชินนั่นเอง) ในที่สุดจิตดวงนั้นเลยกลายเป็นพระโสดาบันไปเองโดยอัตโนมัติ ผลใหญ่รางวัลใหญ่อยู่ที่ตรงนี้ (ถ้าเข้าใจ) ศีลเป็นตัวระงับความโกรธได้ในเบื้องต้น และสุดท้ายก็จะตัดความโกรธได้ในบั้นปลาย
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 25 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา