"ท่านอุรุเวลกัสสปะก็ยอมบวชพร้อมบริวารและลอยบริขารไปตามแม่น้ำ น้องชายอีกสองคนเห็นบริขาร ก็คิดว่าอันตรายเกิดแก่พี่ชาย จึงยกบริวารตามมา พากันบวชจนหมด พระพุทธเจ้าทรงเทศน์อาทิตปริยายสูตรให้ฟัง สำเร็จเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด ๑,๐๐๓ รูป
คราวนี้เราจะเห็นลีลาของพระพุทธเจ้าชัดเจนที่สุดเลย ตอนแรกมีภิกษุอยู่ ๖๑ รูป ส่งออกประกาศพระศาสนาหมด แม้กระทั่งพระองค์เองก็ไป แต่ตอนที่มี ๑,๐๐๓ รูป พระองค์กลับไม่ส่งออกไปเผยแผ่ศาสนา เพราะอะไร ? เพราะการที่จะปราบทิฐิของคนอื่นนั้น นอกจากจะมีความสามารถแล้ว จะต้องมียศ มีทรัพย์ มีบริวาร คนในสมัยนั้นเขาจึงจะเชื่อ
คนเขาดูแค่เปลือกก่อน ถ้าพระพุทธเจ้านุ่งห่มเหลือง โกนหัว สะพายบาตรในลักษณะของภิกขุ คือ ผู้ขอ อยู่ ๆ เข้าไปอาจจะไม่ได้รับการศรัทธาอะไรเลย พระองค์ก็เลยไปในลักษณะบริวารยศ คือ เป็นใหญ่ด้วยบริวาร นุ่งห่มผ้ากาสาวพัสตร์ ไปพร้อมกับภิกษุรวมทั้งหมด ๑,๐๐๓ รูป
พอพระองค์ไปถึงก็ไม่เข้าวังนะ เพราะถ้าเข้าวังไปเจ้าถิ่นอาจจะเห็นว่าตัวเองใหญ่กว่า พระองค์จึงไปพักที่สวนตาลหนุ่ม (ลัฏฐิวัน) ข่าวทราบไปถึงพระเจ้าพิมพิสาร เพราะชาวบ้านเขาลือกันว่าอาจารย์ใหญ่ทั้งสามท่านออกจากที่พักมาแล้ว แต่ไม่มีใครนึกถึงพระพุทธเจ้าเลยแม้แต่คนเดียว เขาจะไปหาอาจารย์ใหญ่ของเขา
ชนทั้งหลายพากันหอบดอกไม้ ธูปเทียน อาหาร ข้าวของบูชาทั้งปวงแห่กันไป แต่พระเจ้าพิมพิสารท่านสมกับเป็นกษัตริย์ อาจจะเป็นเพราะว่ามีสายลับเยอะ พระเจ้าพิมพิสารจึงทราบข่าวว่าเจ้าชายสิทธัตถะที่ออกบวชเป็นสมณะ อยู่ในกลุ่มสมณะนั้นด้วย
เมื่อพระเจ้าพิมพิสารมาถึง สายตาส่วนใหญ่ก็จับอยู่ที่อาจารย์ใหญ่ที่ตนรู้จัก เพียงแต่คราวนี้แต่งตัวแปลกไปเท่านั้นเอง พระพุทธเจ้าพอทราบความคิดของคนทั้งหมด เห็นว่าได้เวลาที่จะแสดงพระองค์แล้ว จึงทรงตรัสว่า "ดูก่อน..กัสสปะ ระหว่างเธอกับตถาคต ใครเป็นศิษย์ ใครเป็นอาจารย์ เธอจงแสดงให้เขาทราบ"
พระอุรุเวลกัสสปะที่ถือว่าเป็นอาจารย์ใหญ่สุด ถวายบังคมแทบบาทพระพุทธเจ้า ประกาศว่า "พระองค์ท่านเป็นศาสดา ข้าพระองค์เป็นศิษย์" ประกาศเสร็จก็เหาะขึ้นไป ๗ ชั่วลำตาล ลงมาบังคมประกาศใหม่ถึงสามวาระด้วยกัน สายตาทั้งหมดจึงได้มองที่พระพุทธเจ้า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มองเลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 30-01-2019 เมื่อ 20:16
|