๒๘. ผีบังตา
ในอารกสูตร สัตตกนิบาต อังคุตรนิกาย กล่าวถึงศาสดานอกพระพุทธศาสนาชื่อว่า
อารกะ ได้สอนศิษย์ของตนว่า
ชีวิตเป็นของน้อยไม่ควรประมาท ได้เปรียบเทียบไว้ว่า...
-
ชีวิตเหมือนหยาดน้ำค้าง คือ มีแต่จะระเหยแห้งหายไปโดยเร็ว
-
ชีวิตเหมือนต่อมน้ำ คือ ผุดขึ้นมาก็แตกทำลายไปโดยพลัน
-
ชีวิตเหมือนรอยไม้ขีดลงในน้ำ คือ ปรากฏวูบก็หายวับไป
-
ชีวิตเหมือนลำธารไหลลงจากภูเขา คือ มาโดยฉับพลัน แล้วผ่านไปทันที
-
ชีวิตเหมือนก้อนเขฬะ คือเหมือนน้ำลาย ที่มีแต่จะถูกเขาถ่มทิ้ง
-
ชีวิตเหมือนชิ้นเนื้อนาบไฟ คือ จะถูกเผาไหม้หมดไปในเวลาไม่นาน
-
ชีวิตเหมือนโคที่เขานำไปฆ่า คือ ต้องตายอย่างแน่นอน ไม่มีทางหลบพ้น
ขนาดศาสดานอกพระพุทธศาสนา ยังสอนธรรมได้น่าฟังขนาดนี้ แต่เขาเห็นแค่
อนิจฺจํ ความไม่เที่ยง และ
ทุกฺขํ ความเป็นทุกข์เท่านั้น ไม่มีปัญญารู้ถึง
อนตฺตา ความไม่มีอะไรเป็นเรา เป็นของเรา อย่างที่พระพุทธเจ้าทรงรู้....
ชีวิตของอาตมาเลียบเลาะขอบเหวแห่งความตายมาหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการหมดลมเพราะท็อฟฟี่อุดคอ เป็นมัยโคพลาสม่านิวมอเนีย สลบไปสองวันสองคืน กระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท อาเจียนจนตัวซีดเป็นจิ้กจก ฉันข้าวไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียวตั้งหกวัน...! นั่นมันเป็นเรื่องปกติธรรมดา (แล้วไอ้ที่ไม่ธรรมดามันเป็นอย่างไง...?) แต่ถ้าท่านเจอเรื่องราวประหลาดที่ชาวบ้านเชื่อกันว่า เป็นเพราะ
ผีบังตาเพื่อจะเอาชีวิตท่าน แล้วท่านจะทำอย่างไร...? ถึงชีวิตเป็นของน้อย แต่มันไม่ได้ตายแบบปกตินี่ขอรับพระคุณท่าน...!
ตอนเด็ก ๆ มีเรื่องเล่ากันว่า เด็กที่เล่นซ่อนหาตอนกลางคืนถูกผีบังเอาไว้ หายไปเป็นเวลานานกว่าจะตามกันเจอ ต้องเดือดร้อนทั้งหมอพระ หมอผี หลายต่อหลายรายที่เจอดี แต่อาตมาแคล้วคลาดไปทุกที เลยได้แต่ฟังเขาเล่าว่าตลอดมา...
คุณประเสริฐ โตทัพ เพื่อนบ้านที่แสนดี ขับรถตกถนนขาหักหลายท่อน ตอนไปเยี่ยมท่านได้ถามว่า
“ทำไมเกิดอุบัติเหตุ...?” ท่านบอกว่า
“ผมก็ขับไปตามปกตินี่แหละ เห็นถนนใหญ่ ๆ โล่ง ๆ มารู้ตัวอีกทีตอนลงไปอัดกับจอมปลวกแล้ว…!” ทุกคนลงความเห็นว่า “ผีบังตา” ตามเคย สรุปได้ความว่า
คนที่เคราะห์ร้ายดวงตก หรือจะต้องตายโหงแล้วไซร้ ผี (ไอ้ตัวเสือก…!) จะบังตาให้เกิดอันตรายนานาประการ จะหนักเบาตามแต่เคราะห์กรรม แต่อาตมาไม่เคยเจอเลยไม่ยอมเชื่อ...!
ตอนเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ แล้ว อาตมาจึงเจอเข้าเต็ม ๆ ถึง ๒ วาระ ทำให้เชื่อสนิทเลยว่า คนเราที่เกิดอุบัติเหตุนั้นมองไม่เห็นจริง ๆ ส่วนจะเป็นผีบังตาอย่างโบราณว่าหรือไม่นั้น ขอมอบเป็นการบ้านให้ท่านไปวินิจฉัยเอง...
ครั้งแรก...อาตมาข้ามถนนที่ปากซอยหน้าบ้าน มองขวามองซ้ายเห็นถนนว่างดี อาตมาก็รีบข้ามทันที เสียงเบรกดังสนั่นหวั่นไหว...! ปิ๊กอัพสีเขียวขี้ม้าคันหนึ่ง พุ่งเข้ามาถึงตัว แรงส่งที่มาด้วยความเร็วสูงทำให้เบรกไม่อยู่...! เหมือนมีใครกระชากคอเสื้อ อาตมาปลิวถอยไปข้างหลัง ปิ๊กอัพคันนั้นเฉียดไปอย่างหวุดหวิด เมื่อครู่ก็ดูดีแล้วว่าถนนว่าง แล้วเจ้าปิ๊กอัพมหาภัยมาได้อย่างไร..? จะไม่เชื่อเรื่องผีบังตาก็ไม่ได้ สายตาไม่ได้มีปัญหา แล้วทำไมถึงมองไม่เห็น...?
ครั้งที่สอง...อาตมาเดินอยู่ข้างสะพานลอยพระโขนง อเมริกันโฮลเด้นคันมหึมา ทื่อเข้ามาถึงตัว อาตมากระเด็นไปข้างหน้าเหมือนถูกถีบ พ้นจากการโดนบี้ชนิดเส้นยาแดงผ่าสิบหก คนขับรถนั่งปากอ้าตาค้าง คงจะเพิ่งเห็นอาตมาเหมือนกัน...!ไอ้ผีร้ายนี้บังได้แสบมาก...มันเล่นบังทั้งคนขับทั้งอาตมาเลย ดีที่บารมีครูบาอาจารย์ยังคุ้มหัว เพราะอาตมาพก
ธงมหาพิชัยสงคราม และ
เหรียญกูผู้ชนะของหลวงพ่อ ทำให้รอดพ้นจากเคราะห์กรรมไปอย่างหวุดหวิด...
เรื่องพิสดารเหล่านี้ ควรรับฟังเอาไว้บ้าง พอเป็นเครื่องประดับความรู้ ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องเร่งการปฏิบัติให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ถ้าถึงระดับหนึ่งแล้ว ความตายก็ไม่ใช่ของน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย กล้ากวักมือเรียกมันให้มาเสียด้วยซ้ำไป...!
๓ มีนาคม ๒๕๓๓
พระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ