พระอาจารย์เล่าเรื่องผีให้ฟังว่า "สมัยแรก ๆ ที่บวชอยู่วัดท่าซุง ด้วยความที่ตั้งใจจะเจริญกรรมฐานให้ได้มากที่สุด ทุกวันก็ต้องรีบตื่นแต่เช้า ตอนนั้นใช้นาฬิกาปลุกสามเครื่องวางไว้เครื่องละมุม ไกลจากจุดที่ตัวเองนอน กะว่าถ้านาฬิกาดัง พอเราคลานไปกดให้เงียบ จะต้องหายง่วงแน่เลย แต่ถ้าอยู่ใกล้ ๆ มือ เรายกมือไปปิดเครื่องนิดเดียวก็ได้แล้ว อาจจะทำให้ไม่ยอมตื่น
แต่วันหนึ่งนาฬิกาปลุกเหลืออยู่แค่สองเครื่อง สาเหตุมาจากผี ตอนนั้นผีมาแกล้ง วางมวยกับผีกันอุตลุด เราเตะผีเสียเต็มที่ แต่ไปโดนนาฬิกาปลุกพังไปเลย ตอนเตะก็ว่าเตะผีนะ แต่ไปโดนนาฬิกาแทน พวกนี้เขารู้ความคิดของเรา ในเมื่อรู้ความคิดของเรา เราจะทำอะไรเขารู้หมด เขาจึงหลบทัน
ตอนไปอยู่ที่ตึกกองทุน ชอบใจตรงที่ว่าห้องพักมีเยอะ มีอยู่ ๘ ห้องใหญ่ ๆ ส่วนตรงกลางเป็นโถงใหญ่ สามารถเดินจงกรมได้สบาย เราก็เดินจงกรมไปจนกระทั่งหมดแรง ถ้าเหนื่อยไม่ไหวตรงไหนก็นอนตรงนั้น ซึ่งแถวนั้นไม่ต้องห่วง ผีดุทุกห้อง..!
มีอยู่คืนหนึ่งประมาณตีสองกว่า ๆ กำลังนอนตะแคงขวาสีหไสยาสน์อย่างดีเลย แต่ว่านอนหันหลังให้ประตูทางเข้า ปรากฏว่ามีนักเลงดีย่องมาตอนไหนไม่รู้ เดินทีตึกไหวทั้งหลัง..! ยวบ..ยวบ ตามจังหวะเดินเลย ตึกคอนกรีตเสริมเหล็กไหวทั้งหลังนี่ก็เกินไปนะ ก็รู้ว่าเขาแกล้งเราอีก
อาตมานอนภาวนาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ กะว่าพอจังหวะยวบสุดท้าย เท้าเราถึง ก็หมุนตัวเตะเลย..! ปรากฏว่าที่เดินมาเป็นลูกแมวตัวเล็กนิดเดียว เขากระโดดข้ามเท้าเราอย่างนิ่มนวล แล้วเดินออกไปประตูหลัง หันกลับมายิ้มให้ เคยเห็นแมวยิ้มไหม ? เห็นแล้วจะสยอง..! แล้วเขาก็เดินทะลุประตูหลังหายไป..!
น่าเตะจริง ๆ เลย ลูกแมวบ้าอะไรเดินทีตึกไหวทั้งหลัง เขาแกล้งอย่างนั้นทุกวัน เกิดมาเป็นที่รักของผีก็อย่างนี้แหละ ถูกผีแกล้งได้ทุกวัน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 08-08-2010 เมื่อ 03:44
|