ดูแบบคำตอบเดียว
  #69  
เก่า 10-08-2010, 13:36
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,647
ได้ให้อนุโมทนา: 151,944
ได้รับอนุโมทนา 4,415,854 ครั้ง ใน 34,237 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระอาจารย์ท่านกล่าวถึงความต้องการอาหารของร่างกายว่า "บางทีในสิ่งที่ร่างกายต้องการกับกิเลสต้องการ เป็นคนละอย่างกัน

บางครั้งธุดงค์อยู่ในป่านาน ๆ ร่างกายเราขาดสารอาหาร ต้องใช้คำว่า "โหย" ไม่ใช่ "หิว" หิวนี่กินแล้วหายหิว แต่ถ้าโหยกินแล้วไม่หาย เพราะร่างกายยังได้ไปไม่พอ

ตอนที่ไปธุดงค์อยู่ ๓๐ กว่าวัน เดินจากทุ่งใหญ่ ขึ้นอุ้มผาง แล้วลงไปห้วยขาแข้ง จากนั้นวนกลับมาอีกทีหนึ่ง ออกมาที่ริมเขื่อนศรีนครินทร์ มีโยมเขาเลี้ยง เขาหุงข้าวหม้อหนึ่ง มีปลาทอด มีน้ำพริกผักต้ม มีต้มยำ สามคนพ่อแม่ลูกคงจะรอกินต่อจากพระนั่นแหละ แต่ปรากฏว่าพระกวาดเกลี้ยงหม้อไม่เหลือข้าวสักเม็ด..!

เวลาร่างกายเราขาดสารอาหารมาก ๆ กินเข้าไปเท่าไรก็ไม่รู้จักอิ่ม กินไปได้เรื่อย ๆ ชูชกที่ท้องแตกตายก็เพราะอย่างนี้

มีอยู่เที่ยวหนึ่งหลวงพ่อวัดท่าซุงท่านฉันเพลอยู่ ท่านบอกว่า "เฮ้ย..เล็ก ไปบอกป้านนทา ทำน้ำปลาพริกมาถ้วยหนึ่ง เร็ว ๆ" เราก็ไป ป้าแกอายุมากแล้ว แกก็ช้า กว่าจะซอยพริก กว่าจะทำเสร็จ เสียงหลวงพ่อมา "เร็วหน่อยโว้ย..อยากจนน้ำลายยืดแล้ว..!"

เราก็สงสัยว่าหลวงพ่อยังอยากอยู่หรือ ? เพิ่งมารู้ไม่นานนี้เองว่า ตอนนั้นร่างกายท่านต้องการ เพราะขาดสารอาหารไปเยอะ ใจท่านไม่ได้อยากหรอก"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 10-08-2010 เมื่อ 17:07
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 161 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา