๔. ทรงตรัสว่า “นี่แหละอารมณ์มัจฉริยะ
ขี้เหนียว-ตระหนี่ แม้แต่เวลาจึงเป็นทุกข์ เพราะเวลาซึ่งหาความเที่ยงไม่ได้ เมื่อเวลาไม่เที่ยง เจ้าไปยึดเวลาจึงสร้างทุกข์ให้กับจิตและกายของเจ้าเอง เหตุเพราะจิตเจ้าไม่อยู่ในธรรมปัจจุบัน ตั้งความปรารถนาจักกลับมาทำงานในเวลาแห่งอนาคต แต่กิจปัจจุบันของเจ้ายังทำไม่เสร็จ เวลามันไม่คอยท่า ก็เคลื่อนไปอยู่เรื่อย กิจปัจจุบันทำไม่ดี จิตก็ไม่ดี จดจ่ออยู่แต่กิจในอนาคต สุดท้ายจึงเหลวหมดด้วยประการทั้งปวง”
๕. “นี่เป็นธรรมดาภายนอก ซึ่งเจ้าสามารถจักนำมาเป็นบทเรียน สอนธรรมภายในให้แก่จิตของตนเองได้ เวลานี้ความฟุ้งซ่านเกิด จิตของเจ้าก็ย่อมอยู่ในธรรมปัจจุบันเช่นกัน มัวแต่ไปพะวงถึงธรรมในอนาคต ซึ่งยังมาไม่ถึง กิจปัจจุบันทำไม่ดี
เจ้ารู้เวลาที่เคลื่อนไปหรือไม่ ความตายกำลังเข้ามาใกล้ทุกที จิตฟุ้งคือจิตมีอารมณ์ประมาท”
๖. “
เสียดายเวลา แต่ไม่รู้จักใช้เวลาให้เป็น ปล่อยเวลาให้เคลื่อนไปในปัจจุบัน มัวแต่พะวงอยู่ในธรรมอนาคตที่ยังมาไม่ถึง สุดท้ายก็คว้าอะไรไม่ได้เลยสักอย่างเดียว อย่างนี้ดีแล้วหรือ”
(ก็ยอมรับว่า ไม่ดี)
๗. “
เมื่อรู้ว่าไม่ดี คิดไม่ถูก ก็จงหมั่นปรับปรุงแก้ไขอารมณ์ของใจเสียใหม่ เพื่อให้เข้าใจและรู้จักใช้เวลาในธรรมปัจจุบันให้เป็นประโยชน์สืบไป”
ธรรมที่นำไปสู่ความหลุดพ้น เล่ม ๖
รวบรวมโดย พล.ต.ท. นพ.สมศักดิ์ สืบสงวน
ขอเชิญทุกท่านเข้าไปอ่านได้ที่
www.tangnipparn.com