พระอาจารย์กล่าวว่า "ปัจจุบันนี้การศึกษาปริยัติและปฏิบัติควบกันกำลังอยู่ในภาวะตกต่ำ พระผู้ใหญ่ก็เล็งเห็นข้อบกพร่อง เลยเปิดหลักสูตรวิปัสสนาภาวนาขึ้นมา มีทั้งระดับประกาศนียบัตร ถ้าหากว่าจบมาจะเป็นประกาศนียบัตรวิปัสสนาภาวนาโดยตรงเลย วุฒิเทียบเท่ากับ ม. ๖ สามารถไปเรียนต่อปริญญาตรีได้ เรียนวิชาการหนึ่งปีและนั่งกรรมฐานสามเดือน
ส่วนในระดับปริญญาตรีและปริญญาโททั่วไปบังคับว่าจะต้องสะสมวันปฏิบัติธรรมให้ได้ ๓๐ วัน โดยให้ปฏิบัติต่อเนื่องอย่างน้อยครั้งละ ๑๐ วัน ส่วนระดับปริญญาโทวิปัสสนาภาวนาโดยตรง เรียนวิชาการสองเทอม แต่ให้นั่งกรรมฐานต่อเนื่อง ๗ เดือน ไม่ต้องไปไหน
หลักสูตรนี้ท่านเอามาจากที่พระพุทธเจ้าบอกว่า ปฏิบัติอย่างเร็ว ๗ วัน อย่างกลาง ๗ เดือน อย่างช้า ๗ ปี ถ้าทุ่มเทจริง ๆ ได้ผลแน่ ท่านก็เลยเอาอย่างกลาง ๗ เดือน
ปัจจุบันนี้ทางวัดท่าขนุนส่งพระและแม่ชีเรียนปริญญาโทวิปัสสนาภาวนาอยู่ ๓ รูปด้วยกัน พระ ๑ แม่ชี ๒ นอกจากนั้นก็เรียนปริญญาโทปกติ และปริญญาตรีสายปกติ
แม่ชีเรียนแล้วได้ผลขอต่ออีก ๗ เดือน สองเดือนแรกแม่ชีบอกว่าฟุ้งซ่านมาก ฟุ้งขนาดที่กิเลสกำลังจะตาย จึงดิ้นสุดชีวิต ตาที่เคยได้เห็นก็ไม่ได้เห็น หูที่เคยได้ยินก็ไม่ได้ยิน จมูกที่เคยได้กลิ่นก็ไม่ได้กลิ่น ลิ้นที่เคยได้รสก็ไม่ได้รส กายที่เคยได้สัมผัสก็ไม่ได้สัมผัส ใจจะคิดเขาก็บังคับให้ภาวนาอีก จึงฟุ้งซ่านจะคลั่งตาย
แม่ชีบอกว่าไม่มีอะไรจะทำ ไปยืนมองที่หน้าต่างก็ยังดี เพราะเขาไม่ให้ออกไปข้างนอก ก็ต้องไปยืนหนอ..ยืนหนอ ตรงหน้าต่าง ให้มองข้างนอกสักนิดก็ยังดี ไม่อย่างนั้นกิเลสทำท่าจะตาย
บางทีก็ปวดท้องจนปัสสาวะจะราดอยู่แล้ว พอเดินพ้นชายคาเพื่อจะไปห้องน้ำ ปรากฏว่าหายเดี๋ยวนั้นเลย แค่ถูกหลอกให้เดินออกข้างนอกเท่านั้น ขอไปดูหน่อยว่าข้างนอกเป็นอย่างไร กิเลสหลอกเราได้ขนาดนั้น..!
พอเข้าเดือนที่สามใจเริ่มสงบ เพราะกิเลสไม่มีกำลังจะดิ้นแล้ว แม่ชีเพิ่งจะเข้าถึงความสงบในชีวิตอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก จึงขอเวลาอยู่ต่ออีก ๗ เดือนร่วมกับฝ่ายปริญญาโทที่เข้าไปพอดี ก็แปลว่างานนี้ออกมาคงจะได้บรรลุไปตาม ๆ กัน..!
ทางวัดท่าขนุน ปัจจุบันก็ส่งเรียนทุกระดับไม่ว่าจะเป็นพระ เณร แม่ชี เด็กวัด เพราะฉะนั้น..ถ้าใครคิดจะเรียนแล้วไม่มีทุน ไปบวชพระ บวชชี บวชเณรที่วัด แล้วจะส่งให้ เรียนจบแล้วค่อยสึกออกมาก็ไม่ว่ากัน ขอเพียงตอนบวชคุณทรงความดีเบื้องต้นให้ได้ก็แล้วกัน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 19-08-2010 เมื่อ 15:31
|