ดูแบบคำตอบเดียว
  #1  
เก่า 22-09-2010, 14:41
ลัก...ยิ้ม ลัก...ยิ้ม is offline
ทีมงานเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 3,361
ได้ให้อนุโมทนา: 23,340
ได้รับอนุโมทนา 187,887 ครั้ง ใน 5,403 โพสต์
ลัก...ยิ้ม is on a distinguished road
Default อารมณ์สักเพียงแต่ว่ารู้ สักเพียงแต่ว่าเห็น

อารมณ์สักเพียงแต่ว่ารู้ สักเพียงแต่ว่าเห็น


เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๖ ต.ค. ๒๕๓๖ เพื่อนของผมท่านเล่าให้ผมฟังว่า ท่านไม่เข้าใจ เรื่องอารมณ์สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็นโดยให้เหตุผลว่า ในเมื่อตาเราไปเห็นหมา แล้วจะไม่ให้จิตยอมรับว่าเป็นหมาได้อย่างไร หลวงพ่อฤๅษีท่านก็เมตตามาสอนว่า

๑. “ไอ้เรื่องตากระทบรูป มันเป็นธรรมดาที่จิตต้องรับรู้ตามตาที่เห็นว่าเป็นหมา จุดนั้นไม่ผิดนะ คือ มีสติรับรู้ตามอายตนะ สัมผัสว่าสิ่งนั้นคืออะไร ไม่รู้ไม่ได้มันต้องรู้ แต่รู้สักเพียงแต่ว่ารู้ เห็นเพียงสักแต่ว่าเห็น อะไรเป็นอะไร แต่คุมอารมณ์ของจิตไม่ให้ปรุงแต่งในสิ่งนั้น ๆ คือ ไม่ให้คิดฟุ้งซ่านจนเกิดอารมณ์ชอบใจ ไม่ชอบใจนั่นเอง”

๒. “เพื่อนของผม ท่านปั่นรถจักรยานมาเห็นขี้วัวก็หลบ แต่กลิ่นของขี้วัวเข้าจมูก ก็คิดว่ากลิ่นก็ไม่เที่ยง แต่กลิ่นก็ยังไม่หายไป ก็คิดต่อไปว่าที่กลิ่นไม่หายไป เพราะสัญญาคิดตามเวทนาของกลิ่นขี้วัว ไม่ชอบใจในกลิ่นที่เหม็นนั่นแหละ หากเวทนาไม่เกิด สัญญาก็ไม่เกิด หรืออารมณ์ ๒ พอใจกับไม่พอใจก็ไม่เกิด หลวงพ่อท่านก็สอนต่อไปว่า “เห็นขี้ก็ต้องรู้ว่าขี้ ตากับจมูกมันรายงาน อย่างนี้เรียกว่ามีสติ กำหนดรู้ตามความเป็นจริง แต่ถ้าเห็นขี้นึกว่าข้าว นี่ซิมันยุ่ง สติไม่ดี แต่ก็ไม่แน่นะ ถ้าเป็นหมา มันเห็นขี้เป็นข้าวหรืออาหารอย่างดี ยิ่งขี้คน หมาชอบนัก”

๓. “เพื่อนผมท่านเอาเรื่อง อาหาเรปฏิกูลสัญญามาพิจารณา หลวงพ่อท่านสอนพระว่า ก่อนจะบริโภคอาหารให้พิจารณาหาความจริงของอาหารก่อน โดยอาศัยหลักอายตนะสัมผัส ๑๒ มีภายนอก ๖ ภายใน ๖ เมื่อกระทบกัน จิตเราต้องรู้ แต่ให้ทรงอยู่ในอารมณ์สักแต่ว่า ไม่ปรุงแต่งธรรมนั้นต่อให้เกิดอารมณ์ ๒ คือ พอใจและไม่พอใจ อย่างนี้แหละมิใช่ปรุงแต่งธรรม แต่เป็นธัมมวิจยะ

หลวงพ่อท่านบอกว่า “เอ้อ! ใช่อย่างนั้นนะ ถูก แยกความคิดให้มันออกอย่างนี้จึงจะถูกต้อง ไม่ใช่ห้ามจิตไม่ให้คิดเลยเพื่อกันความฟุ้งซ่าน อันนี้มันผิด จิตมันต้องคิดตามอารมณ์ของมัน แต่คิดให้เป็นธัมมวิจยะ ไม่ใช่คิดอย่างชอบใจ ไม่ชอบใจ สร้างกิเลส ตัณหา อุปาทานให้เกิด ไอ้ตัวรู้ว่าอะไรเป็นอะไร นั่นคือ สติสัมปชัญญะ ไม่ใช่อายตนะกระทบกับอะไร กูไม่รู้ อันนั้นไม่เป็นเรื่อง จิตไม่มีสติอย่างนี้เขาไม่ใช้ เข้าใจให้ถูกต้องด้วย”

๔. “แยกอย่างนี้ รู้อย่างนี้ คุมอารมณ์ให้มีสติตามนี้ การปฏิบัติจะง่ายยิ่งขึ้น”
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 41 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ ลัก...ยิ้ม ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา