ท่านนาวินนั้นบวชมาจากเมืองไทย จึงถือพระวินัยตามแบบไทย ท่านว่าเมื่อมาเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ใหม่ ๆ มีพระรูปหนึ่งรังเกียจไม่ยอมคบหาด้วย เพราะท่านนั้นได้ทราบข่าวมาว่า พระไทยนั้นพระวินัยหย่อนยานมาก เมื่อมาพบการปฏิบัติที่เคร่งกว่าของท่านนาวินเข้า ก็ให้สงสัยเป็นกำลัง...
จนกระทั่งท่านได้มีโอกาสไปจำพรรษาที่เมืองไทย กลับมาคราวนี้มาขอคืนดีด้วย ท่านว่าสิ่งที่ท่านไปพบเห็นมากับคำเล่าลือมันตรงกันข้าม อาตมาจึงว่าเรื่องของพระวินัยนั้น ทั้งไทย มอญ พม่า ต่างก็มีที่รักพระวินัย และก็มีที่เลวจนไม่สนใจว่าพระวินัยเป็นอย่างไร..!
ห้ามไม่ทันแล้วครับ..พระเณรไปร่วมฉลองปราสาทกฐินกันหมดแล้ว..!
การจะเป็นพระหรือไม่เป็นพระนั้นอยู่ที่ศีล คือพระปาฏิโมกข์ ๒๒๗ ข้อ และอภิสมาจารเท่านั้น จะโกนหัว ห่มเหลือง ห่มกรัก ถ้าไม่รักพระวินัยก็ไม่ใช่พระ กลายเป็นปรทัตตูปชีวีเปรต คือต้องอาศัยใบบุญของญาติโยมเพื่อเลี้ยงตัวเอง พระพุทธเจ้าท่านเรียกว่าเป็นมหาโจรประเภทหนึ่ง...
ปรึกษาหารือกับบรรดาพระเถระทั้งหลาย เรื่องที่ทำอย่างไรให้พระเณรทุกรูปรักศีลของตน ตกลงกันว่าจะเริ่มตั้งแต่ตอนนี้ คือห้ามไม่ให้พระเณรเข้าไปเพ่นพ่านในหมู่บ้าน แต่ดูจะไม่ทันการณ์แล้ว เนื่องจากพระเล็กเณรน้อย พากันหายไปทางเสียงฉลองปราสาทกฐินทางบ้านมอญ จนแทบจะไม่มีเหลือ...
__________________
ไม่ติดในสุข ไม่กังวลในทุกข์ วางเฉยในร่างกายนี้ ปล่อยวางภาระทั้งปวง ยอมรับกฎของกรรม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 09-10-2010 เมื่อ 02:15
|