เทศน์ช่วงทำกรรมฐานวันศุกร์ที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๕๓
ทุกคนนั่งในท่าที่สบายของตัวเอง ถ้าหากว่าคับแคบไปหน่อย ก็ขยับ ๆ แบ่งปันกันไป สำหรับวันนี้เป็นวันที่ ๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็นการปฏิบัติธรรมวันแรกของของเดือนตุลาคม
เดือนนี้เป็นเดือนที่พระจะออกพรรษากันแล้ว เท่าที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วในช่วงพรรษา จะเป็นช่วงที่พระท่านตั้งใจปฏิบัติ โดยเฉพาะท่านที่ตั้งใจว่า เมื่อออกพรรษาแล้วจะสึกหาลาเพศไป ก็จะทุ่มเทให้กับการปฏิบัติมากกว่าเวลาปกติ
ตัวเราที่เป็นฆราวาส โดยส่วนใหญ่ก็มีที่ตั้งใจทำความดีในช่วงเข้าพรรษา อย่างเช่นว่า งดการดื่มสุราเมรัยในช่วงตลอดพรรษา ๓ เดือน เป็นต้น พวกเราทุกคนที่เป็นนักปฏิบัติ ก็มีจำนวนมากที่อาศัยช่วงระยะเวลานี้ ปฏิบัติธรรมในระดับที่สูงขึ้นไป อย่างเช่นว่า บางท่านตั้งใจรักษาศีลแปดตลอดพรรษา เป็นต้น
เหลือเวลาอีกแค่ประมาณ ๓ อาทิตย์จะออกพรรษา ก็แปลว่า เวลาที่ผ่านมาประมาณ ๒ เดือนเศษ ๆ นั้น ทุกท่านได้ก้าวผ่านระยะเวลาที่ตั้งใจทำความดีมาเกินครึ่งแล้ว แต่พวกเรามีการสังเกตตนเองบ้างหรือไม่ว่า กำลังใจของเราตอนนี้ กับกำลังใจแรกเริ่มตอนเข้าพรรษาใหม่ ๆ มีความต่างกันเท่าไร ?
ยังคงมุ่งมั่น วิริยะบากบั่น ไม่ท้อถอยเหมือนเดิม หรือว่าเริ่มรามือแล้ว ไม่ค่อยเข้มงวดกับตัวเองเหมือนตอนที่ตั้งใจไว้แต่แรก หรือบางท่านก็โดนกิเลสกลบกลืนไปเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถจะสร้างความดีให้ครบพรรษาได้
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ เราต้องรู้จักประเมินตนเอง ตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงตรัสถึง อิทธิบาท ๔ คือ องค์ธรรมที่สร้างความสำเร็จแก่เราทั้งทางโลกและทางธรรม ซึ่งประกอบไปด้วยหัวข้อธรรม ๔ ประการ คือ
๑. ฉันทะ มีความยินดีพอใจที่จะกระทำงานนั้น ๆ อย่างเช่น พอใจที่จะปฏิบัติใน ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นต้น
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 12-10-2010 เมื่อ 13:05
|