"ถ้าสามารถทำกำลังใจแบบนี้ได้ ต่อไปภาวนาเมื่อไรก็ก้าวหน้า แต่ถ้าเราไปตั้งใจอยากจะให้ดีเหมือนครั้งที่แล้ว ไม่มีทางได้รับประทาน เพราะกลายเป็นฟุ้งซ่านไปเลย
ไปเจออาจารย์บางสายท่านบอกว่า "ลูกศิษย์ทำได้ถึงนั่นถึงนี่ พอมาผมฟันธงเลยว่า คุณไม่มีวันทำได้อีก" ถามว่าแล้วเป็นไปอย่างที่อาจารย์ว่าไหม ? ท่านบอกว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นแบบนั้น ก็คือไปอยากจะได้ อยากจะเป็นอย่างนั้นอีก ทำให้เสียผลการปฏิบัติไป
ฉะนั้น..ในเรื่องของการปฏิบัติทุกระดับ จำเป็นจะต้องมีอุเบกขา ตัวอุเบกขาก็คือตัวช่างมัน เรามีหน้าที่ทำ ผลจะเกิดหรือไม่เกิดก็ช่างมัน เรามีหน้าที่ตามดู ตามรู้ จะเป็นอย่างไรก็ช่างมัน
ถ้าทำอย่างนั้นได้ก็ก้าวหน้าเร็ว กว่าอาตมาจะคลำเจอตรงจุดนี้ได้ก็เสียเวลาไปสามปีเต็ม ๆ ต้องการแค่ปฐมฌานตัวเดียว ภาวนาทุกวัน เอาตัวอยากนำหน้าก่อนทุกวัน
ตามดูว่านี่ลักษณะวิตกนะ นี่ลักษณะวิจารณ์นะ ตอนนี้ปีตินะ ขนลุกซ่า ๆ เดี๋ยวต้องเป็นอย่างนั้น เป็นขั้นตอนที่เราเคยผ่านมาก่อน ก็เลยตามจี้อยู่ตลอด จิตจึงฟุ้งซ่านไม่รวมตัวเสียที วันที่ได้เป็นวันที่หมดอารมณ์แล้ว เบื่อแล้ว ทำมาตั้งสามปีไม่ได้เสียที เราจะภาวนาก็แล้วกัน จะเป็นหรือไม่เป็นช่างมัน ผัวะเดียวได้เลย"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 15-10-2010 เมื่อ 20:31
|