"ลำดับถัดมาก็เป็นพระเจ้ากาลาโศกราช ห่างจากสมัยพระเจ้าอชาตศัตรู ๑๐๐ ปีเต็ม พระองค์ทรงอุปถัมภ์การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๒ ที่เมืองเวสาลี แต่องค์อุปถัมภ์พุทธศาสนาที่โด่งดังจนเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก ก็คือ พระเจ้าอโศกมหาราช
พระเจ้าอโศกมหาราชทรงจัดการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ ๓ หลังจากพุทธปรินิพพานไปแล้ว ๒๓๖ ปี เมื่ออุปถัมภ์การสังคายนา ชำระพระพุทธศาสนาให้บริสุทธิ์แล้ว ยังให้ขุดรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุทั่วทั้งชมพูทวีปมารวมไว้ แล้วสร้างพระเจดีย์ ๘๔,๐๐๐ องค์ทั่วทั้งชมพูทวีป แบ่งพระบรมสารีริกธาตุไปบรรจุ
นอกจากนั้นแล้ว ยังตามหาสถานที่ ประสูติ ตรัสรู้ แสดงปฐมเทศนา และ ปรินิพพาน หรือที่เราเรียกกันว่า สังเวชนียสถาน ๔ ตามหาว่าอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วสร้างเสาอโศกก็คือต้นเสาที่มียอดเป็นสิงห์ ๔ ตัวหันหลังชนกัน จารึกอักษรระบุสถานที่ไว้ว่าตรงนี้คือที่ไหน
ทำให้มีหลักฐานที่น่าเชื่อถือว่าพระพุทธเจ้าของเรามีตัวตนอย่างแท้จริง สถานที่ซึ่งพระท่านเกิด สถานที่ตรัสรู้คือเรียนจบ สถานที่แสดงปฐมเทศนา คือ เปิดการสอนครั้งแรก และสถานที่ปรินิพพาน ในภาษาของชาวบ้านก็คือที่ตาย นั้นมีอยู่จริง เพราะว่าห่างจากสมัยพุทธกาลแค่ ๒๓๖ ปี ถ้าเป็นสมัยนี้ไปงมหา ไม่รู้ว่าจะเจอหรือเปล่า
อย่างประเทศพม่าหลายต่อหลายแห่ง เป็นที่ซึ่งเขาตั้งใจสร้างเรื่องขึ้นมาให้เกี่ยวข้องกับพุทธกาล แล้วระบุว่าเป็นที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า ถามว่าใช่หรือไม่ ? หลายต่อหลายแห่งไม่ใช่ แต่ถามว่าดีหรือไม่ ? ก็ดี..เพราะทำให้คนยึดในพุทธานุสติ คือ นึกถึงพระพุทธเจ้าได้"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 21-12-2010 เมื่อ 03:14
|