พระอาจารย์กล่าวว่า "สมัยที่พรหมเทวดาทั้งหมดพร้อมใจกันไปอัญเชิญสันดุสิตเทพบุตรลงมาจากชั้นดุสิต เพื่อจุติลงมาตรัสรู้เป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรา มีธรรมเนียมอยู่อย่างหนึ่งว่า ท่านต้องพิจารณาปัญจมหาวิโลกนะ ก็คือความพร้อม ๕ อย่าง
๑) กาล ทรงเลือกอายุกาลของมนุษย์ ถ้าหากมนุษย์ในสมัยนั้นอายุยืนเกินไป เมื่อเอ่ยถึงความไม่เที่ยง เขาก็จะเห็นไม่ชัด ถ้าอายุน้อยเกินไป โอกาสที่จะบรรลุธรรมก็มีน้อย เพราะจะชิงตายไปเสียก่อน
สันดุสิตเทพบุตรก็พิจารณาว่า ช่วงนี้อายุขัยมนุษย์มี ๑๐๐ ปีเป็นประมาณ ท่านเห็นว่าไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป สามารถที่จะกล่าวถึงความไม่เที่ยง และความเป็นทุกข์ให้คนเห็นได้ง่าย
๒) ทวีป ทรงเลือกว่าควรจะจุติไปสู่ทวีปไหน ในทวีปอื่น ๆ นั้น มนุษย์ล้วนแล้วแต่อายุยืน อย่างน้อยก็หลายร้อยปีขึ้นไป จึงเห็นชมพูทวีปเหมาะที่สุด
๓) ประเทศ ทรงเลือกกรุงกบิลพัสดุ์เป็นที่เกิด เพราะอยู่ในมัธยมประเทศ จะได้ง่ายต่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา
๔) ตระกูล ส่วนใหญ่แล้วพระพุทธเจ้าจะจุติในตระกูลที่เป็นพราหมณ์หรือเป็นพระมหากษัตริย์ แล้วแต่ว่าในยุคนั้นนิยมอย่างไหนว่าเป็นตระกูลที่สูงกว่า
สันดุสิตเทพบุตรได้จุติมาในตระกูลของศากยวงศ์ในแคว้นกบิลพัสดุ์ เพราะว่าเนื่องด้วยเหตุข้อต่อไปก็คือ บุคคลที่จะเป็นพุทธมารดา
๕) พุทธมารดา จะต้องเป็นผู้ที่ถึงพร้อมด้วยความดีทั้งปวง และประกอบด้วยเบญจกัลยาณี ๕ ประการ และอิตถีลักษณะที่งามสมบูรณ์พร้อมอีก ๖๔ ประการ พูดง่าย ๆ ว่า สวยสมบูรณ์พร้อม หาที่ติไม่เจอ เมื่อเห็นว่ามีความพร้อมแล้วจึงได้รับอาราธนาลงมาเกิด
โดยทั่วไปแล้วความเปลี่ยนแปลงของอายุขัยจะเกิดขึ้น ก็คือ ๑๐๐ ปีผ่านไป อายุจะลดลงปีหนึ่ง จากสมัยพุทธกาลมาจนถึงปัจจุบันผ่านไปแล้ว ๒๕๕๓ ปี แปลว่า จะลดลงไป ๒๕ ปีเศษ ๆ เพราะฉะนั้น..อายุขัยของคนในปัจจุบัน อยู่ที่ประมาณ ๗๔ ปีกว่า อาจจะ ๗๔ ปีและอีก ๕ เดือน ดังนั้น..ใครอายุเกินกว่านี้ถือว่าเริ่มมีกำไรแล้ว"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 28-12-2010 เมื่อ 16:10
|