วางกำลังใจผิด
หลวงพี่: เป็นอย่างไรบ้างโยม หายหน้าหายตาไปเลย
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์: เวลามันไม่ลงตัวขอรับ หลวงพี่ ผมส่งเด็ก ๆ ไปโรงเรียนแล้ว ก็ไปทำงานต่อเลย รู้สึกว่าตัวเองห่างจากความดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ขอรับ
งานที่ทำก็สุด ๆ ขอรับ กระผมเองก็ไม่รู้ว่าจะทนผ่านหกเดือนนี้ได้หรือเปล่าขอรับ บางวันที่มันฟุ้งมาก ๆ แทบอยากจะถอดเสื้อบริษัททิ้ง แล้วก็ขับรถกลับบ้านเลยขอรับ ไม่ทำมันแล้ว
กระผมก็มีสตินึกได้เสมอขอรับ แต่บางวันมันเอาไม่อยู่จริง ๆ ปลีกไปภาวนาก็แล้ว เดินจงกรมก็แล้ว เห็นการเอาเปรียบกัน เห็นความไม่เป็นธรรม........เอาง่าย ๆ คือมันไม่ถูกต้อง ไม่ถูกใจขอรับ มันมีดวงจิตสองดวงต่อสู้กันตลอดขอรับ ฝั่งหนึ่งก็บอกให้
"ทน" อีกฝั่งก็บอกว่า
"ทนไปทำไมวะ"
หลวงพี่: อาตมารู้แล้วว่าเพราะอะไร
ทัดฤทธิ์-ทิดรัตน์:
หลวงพี่ :เพราะว่าโยมวางกำลังใจไปผิด โยมวางกำลังใจไปรอ ว่าเมื่อไรเขาจะเสร็จงาน เมื่อไรเขาจะหยุดพักเท่ากับว่ากำลังใจของโยมไปผูกอยู่กับเวลา แทนที่โยมจะปล่อยวางว่า เราส่งเขาถึงที่แล้วที่เหลือเป็นงานของเขา เมื่อไรเขาเสร็จงานเราก็มีหน้าที่พาเขาไปจุดอื่นต่อไป ระหว่างการรอนั้นแทนที่โยมจะอยู่กับตัวโยมเอง หางานให้จิตทำโยมกับปล่อยจิตออกไปฟุ้งซ่าน อาตมาเลยบอกว่าโยมวางกำลังใจไปผิด