ดูแบบคำตอบเดียว
  #119  
เก่า 04-01-2011, 00:29
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,731
ได้ให้อนุโมทนา: 152,099
ได้รับอนุโมทนา 4,419,450 ครั้ง ใน 34,321 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

"กตัตตากรรม เป็นกรรมที่ทำโดยไม่เจตนา จะมีกำลังในการให้ผลที่น้อยที่สุด ถ้ากรรมอื่นไม่แสดงผลเมื่อไร กตักตตากรรมนี้ถึงจะโผล่มา ตัวอย่างที่ชัดที่สุดก็คือ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จจากปาวาลเจดีย์ไปเมืองกุสินารา เดินได้ระยะทาง ๖๐ โยชน์ หมดพระกำลัง กระหายน้ำ จึงขอให้พระอานนท์ไปตักน้ำมาให้ ปรากฏว่าขบวนเกวียน ๕๐๐ เล่ม เพิ่งลุยผ่านไป น้ำขุ่นเป็นโคลนเลย พระอานนท์กลับมารายงานว่าไม่มีน้ำ พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ไปดูใหม่เถอะ น้ำนั้นมีอยู่ "

ทั้ง ๆ ที่พระอานนท์เห็นกับตาตัวเอง แต่ด้วยความเคารพต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเดินย้อนกลับไป ปรากฏว่าน้ำที่ขุ่นอยู่กลายเป็นน้ำใสไปได้ จึงจัดการกรองน้ำมาถวายพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าเสวยแล้วก็ตรัสถึงบุรพกรรม ที่พระองค์ท่านได้ทำเอาไว้

ตรัสถึงชาติที่พระองค์เกิดมาเป็นลูกชาวนา ไปช่วยพ่อไถนาทั้งวัน ปลดวัวออกจากแอกได้ก็พาวัวไปกินน้ำ เนื่องจากวัวหิวน้ำมาทั้งวัน พอเจอน้ำก็รี่เข้าใส่ ท่านเห็นว่าน้ำตรงที่วัวจะกินนั้นขุ่น จึงรั้งวัวให้มากินน้ำด้านที่ใส เป็นกรรมที่ทำโดยเจตนาดี แต่ก็จัดเป็นกตัตตากรรมตรงที่ทำให้วัวได้กินน้ำช้า

ขณะพระองค์ท่านบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ใกล้จะปรินิพพานแล้วกรรมก็ยังตามมาทัน พระองค์ท่านจึงได้ตรัสเอาไว้ว่า อย่าไปประมาทว่ากรรมชั่วเพียงเล็กน้อยแล้วไปกระทำ ขณะเดียวกันอย่าไปประมาทว่ากรรมดีเพียงเล็กน้อยแล้วไม่ทำ กรรมนั้นจะเล็กน้อยเพียงใดก็ตาม ถ้าถึงวาระถึงเวลาก็ต้องส่งผลให้ผู้กระทำนั้นเสมอ อกตํ ทุกฺกฏํ เสยฺโย ความชั่วไม่ทำเสียเลยดีกว่า"
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 04-01-2011 เมื่อ 03:25
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 136 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา