ดูแบบคำตอบเดียว
  #122  
เก่า 04-01-2011, 10:09
เถรี's Avatar
เถรี เถรี is offline
ผู้ดูแลเว็บ - ยืนยันตัวตนแล้ว
 
วันที่สมัคร: Jan 2009
ข้อความ: 30,667
ได้ให้อนุโมทนา: 152,012
ได้รับอนุโมทนา 4,416,694 ครั้ง ใน 34,257 โพสต์
เถรี is on a distinguished road
Default

พระไตรปิฎกนี้เขาถือเป็นบาลีหลัก แต่บางสิ่งบางอย่างยุคสมัยถัดไปจะไม่รู้ จึงมีอรรถกถาขึ้นมาอธิบายพระบาลี พอนานไปสิ่งที่อรรถกถาอธิบายก็ไม่เหมาะกับยุคสมัยอีก จะมีฎีกาจารย์ขึ้นมาอธิบายอรรถกถา

พอถัดไปอีกยุคหนึ่ง คำอธิบายของฎีกาจารย์ รุ่นหลังก็ไม่รู้ อย่างเช่น บอกว่าพระอาจารย์ฝ่ายข้างนั้น รุ่นหลังไม่รู้ว่าฝ่ายข้างไหน เพราะฎีกาจารย์เขาแบ่งเป็นมหาวิหารกับอภัยคีรีวิหาร ทีนี้เราก็ไม่รู้ว่าฎีกาจารย์ที่เขียนเป็นฝ่ายมหาวิหารหรือเป็นฝ่ายอภัยคีรีวิหาร เขาจะใช้ในลักษณะที่ไม่ให้กระทบกระทั่งกันว่า พระอาจารย์ฝ่ายข้างนั้น ก็จะมีอนุฎีกาจารย์มาอธิบายฎีกาอีกทอดหนึ่ง

พอนานไปอนุฎีกาคนก็ไม่เข้าใจอีก ก็มีเกจิอาจารย์มาอธิบายอนุฎีกา ดังนั้น..เกจิ แปลว่า ต่าง ๆ , เกจิอาจารย์ แปลว่า อาจารย์ต่าง ๆ กันไป คือ อาจารย์ท่านใดท่านหนึ่งก็ได้ ที่มีความเข้าใจแล้วมาอธิบายให้ฟัง

แต่คนรุ่นหลังไปตีความคำว่าเกจิอาจารย์ ไปอีกอย่าง กลายเป็นว่า ต้องมีความขลัง สามารถทำการปลุกเสกเลขยันต์ได้ เป็นการใช้ความหมายผิด ความหมายที่ใช้ผิดของบาลีมีเยอะในปัจจุบัน
__________________
........................

เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง

จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 05-01-2011 เมื่อ 07:59
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
สมาชิก 158 คน ได้กล่าว "อนุโมทนา" กับคุณ เถรี ในข้อความที่เขียนด้านบน
แสดง/ซ่อน รายชื่อผู้อนุโมทนา