พระอาจารย์เล่าเรื่องไปพม่าให้ฟังว่า "ตอนแรกที่ไปพม่า ไปด้วยความรู้สึกว่า เรามาจากประเทศที่เจริญ มาจากเมืองของพระพุทธศาสนา ถ้ามีอะไรที่เราสามารถจะแนะนำสั่งสอนเขาได้ เราจะทำ แต่พอไปเจอการปฏิบัติตนของพุทธศาสนิกชนชาวพม่าแล้ว ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนดี เพราะว่าเขาเข้าวัดปฏิบัติโดยพร้อมเพรียงกันหมด เขาทำตั้งแต่บุญกุศลพื้น ๆ จนกระทั่งถึงบุญใหญ่เขากวาดหมด
ถ้าคนไทยเราทำได้อย่างนั้น ประเทศชาติคงน่าอยู่เป็นพิเศษ เพราะว่าก่อนเขาจะไปทำงาน จะเข้าวัดใกล้บ้าน สวดมนต์ทำวัตรเสร็จแล้วถึงจะไปทำงาน กลับจากที่ทำงาน จะเข้าวัด สวดมนต์ทำวัตรแล้วค่อยกลับบ้าน พระบ้านเรายังไม่เคร่งเท่าคนบ้านเขาเลย
บ้านเราหลายต่อหลายวัด สวดมนต์ทำวัตรเฉพาะช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น บางทีอาตมายังกระแทกไปว่า "ถ้าคุณฉันเฉพาะช่วงเข้าพรรษาก็น่าจะดีนะ จะได้ประหยัดหน่อย..!"
พอดีได้ไปงานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุสมเด็จองค์ปฐมทรงเครื่องจักรพรรดิของวัดพระธาตุ ๕ ดวง ได้นั่งเครื่องบินลำเดียวกับหลวงพ่อสมเด็จวัดสระเกศ พอถึงเชียงใหม่ท่านก็ชวนขึ้นรถที่เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ส่งมารับท่าน นั่งกับท่านมา ท่านถามถึงเรื่องนี้ ก็เล่าถวายให้ท่านฟัง บอกว่าอยากให้บ้านเราเมืองเราเป็นอย่างพม่าเขาบ้าง ที่พุทธศาสนิกชนเข้าวัดเข้าวาโดยพร้อมเพรียงกัน ทุกคนตั้งแต่เด็กยันแก่ ไปวัดเหมือนกับคนกรุงเทพฯ ไปเดินห้าง
ปรากฏว่าหลังจากที่เล่าด้วยความภาคภูมิใจไปพักหนึ่ง หลวงพ่อสมเด็จท่านพูดกลับมาสั้น ๆ ว่า “ท่านเล็ก..จำเอาไว้นะ ที่ไหนที่ชาวบ้านพึ่งรัฐบาลไม่ได้ เขาจะเข้าวัด” ได้ยินแล้วฟ้าแจ้งจางปางเลย เพราะฉะนั้น..บ้านเราคงใกล้จะเข้าวัดมาก ๆ กันแล้ว..!"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย สุธรรม : 11-01-2012 เมื่อ 03:35
|