ได้พระพุทธรูปสมบัติในอดีตชาติ
เพื่อเป็นการยืนยันสัจธรรมในการเวียนว่ายตายเกิดของสัตว์โลกตามกฎแห่งกรรม ทั้งบอกกล่าวถึงสิ่งที่ไม่ได้เอามาและสิ่งที่ไม่ได้เอาไป เอาไปได้เฉพาะความดี ความชั่วเท่านั้น จะมัวเมาลุ่มหลง เข่นฆ่า ทำร้ายกัน ทำลายกันอยู่ทำไม ให้ผูกกันเป็นเจ้ากรรมนายเวรคอยติดตามกัน ทำลายกันในทุกภพทุกชาติ
ความไม่รู้จึงทำให้เสียการ เสียคุณค่าของชีวิต สร้างความทุกข์ให้กับภูมิของตนเอง รู้แล้วสมควรแก้ไข คนเราถ้าเป็นคนดีจิตใจงาม จะทำความดีไม่ยาก แต่จะทำความชั่วแสนยาก ถ้าเป็นคนชั่วจิตใจชั่ว จะทำชั่วไม่ยาก แต่จะทำความดีแสนยาก
ดังนั้น จงทำความดีเพื่อตัดทุกขภพให้หลุดจากวิถีโคจรของชีวิต ในการเวียนว่ายท่องไปในภพต่าง ๆ เราสร้างกันได้ทำไมไม่สร้าง อะไรที่เป็นตัวขวางกั้น ไม่ใช่อื่นใด จิตของเรานั่นเอง
จะทำได้ต้องฝืน ต้องอดทน ต้องขยันหมั่นเพียร ต้องตั้งสัจจะ ต้องมีความพึงพอใจที่จะกระทำ ต้องยอมรับ ต้องยอมเหนื่อย ต้องยอมแก้ไข ต้องยอมปรับปรุง ต้องยอมรับรู้ในความจริงในกรรมของตนเอง
การแก้ไขนั้นมันจะขัดกับความต้องการ ขัดต่อความรู้สึก จิตมันต่อต้าน ทำให้คิดผิดตลอดเวลาที่เรียกว่า เห็นกงจักรเป็นดอกบัวอยู่ร่ำไป ยอมรับมันไม่ได้ ทนต่อเหตุการณ์ไม่ได้ ทนต่อสถานการณ์ที่ต้องเสียไปไม่ได้
กิเลสมันเป็นเจ้าเรือนในดวงจิต มันจะต้องสู้ดิ้นรนเพราะมันจะสูญเสียบ้านที่มันอยู่อาศัย มีผู้มาแย่งความเป็นใหญ่จากมัน มีผู้มาสั่งการแทนมัน มันสูญเสียอำนาจ มันผูกติดอยู่กับเรือนของมัน มันจะขาดความสนุกรื่นเริง มันจึงเริ่มทุกข์ทรมาน ขัดขืนต่อสู้ทุกวิถีทาง มันจะร้องขอ มันจะร้องคำว่า ไม่ยอม ไม่ยอม ไม่ยอมอยู่ตลอด มันจะหาพวกมาประสานกิเลส จนจิตนั้นยอมแพ้มัน ให้มันอยู่อาศัยให้เป็นใหญ่ มีอำนาจเช่นเดิม มันจึงสงบ
อย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงจิตนั้นมันยุ่งยาก ต้องต่อสู้กัน เหมือนเข้าอยู่ในสมรภูมิ เป็นสงครามที่ยิ่งใหญ่ การต่อสู้ของจิตในจิต มีการต่อสู้กันด้วยกลยุทธ์จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะพ่ายแพ้ กรรมก็จะสวมรอยตามกุศลและอกุศลนั้น