"เด็กรุ่นหลัง ๆ ที่ไม่มีโอกาสเห็นในหลวงของเราทรงงานทั้งวัน ไม่มีโอกาสเห็นว่า พระองค์เสด็จไปช่วยเหลือชาวบ้าน จนแทบจะทุกซอกทุกมุมของประเทศ เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมคนรุ่นก่อน ๆ จึงซาบซึ้งเคารพรักในหลวงขนาดนั้น
เราลองคิดดูว่า ปัจจุบันนี้พระองค์ท่านต้องประทับรถเข็น แต่ก็ยังต้องออกทรงงานไม่หยุดไม่หย่อน ประทับอยู่โรงพยาบาลศิริราช แต่งานทุกอย่างทั่วประเทศต้องไปรวมตรงนั้น
ทูลกระหม่อมเจ้าฟ้าหญิงจุฬาภรณ์ ตรัสว่า ในหลวงสอนลูก ๆ ว่า เราสามารถดำรงอยู่ในราชวงศ์ คงฐานะคงความเป็นกษัตริย์เหนือกว่าคนอื่นได้ ก็เพราะประชาชนเขาสนับสนุนเรา เพราะฉะนั้น..มีอะไรที่จะตอบแทนคนที่สนับสนุนเราได้ เราก็ต้องทำให้เต็มสติกำลัง
ข้าราชการของเราขาดสำนึกในหน้าที่ ขาดสำนึกคำว่า "ข้าราชการ" ก็คือ เป็นข้าใต้เบื้องพระยุคลบาทของในหลวง แทนที่จะทุ่มเทรับใช้ประชาชนให้สมกับคำว่าข้าราชการ กลับไปเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นเจ้านายชาวบ้าน ทั้ง ๆ ที่ตัวเองกินเงินภาษีราษฎร ซึ่งเท่ากับชาวบ้านเป็นเจ้านายจ่ายเงินเดือนให้
ในเมื่อขาดจิตสำนึกตรงนี้ โอกาสที่จะทุ่มเทแก่บ้านเมืองและประชาชนก็เลยมีน้อย ถามว่าข้าราชการดี ๆ มีบ้างหรือไม่ ? มี..แล้วทุ่มเทกับประชาชนหรือไม่ ? ทุ่มเท..แต่คนทั้งหลายเหล่านี้เป็นเพียงส่วนเสี้ยวเดียว เหมือนกับน้ำหยดหนึ่งในทะเลทราย ที่แน่ ๆ ก็คือ แทบไม่มีใครเลยที่จะไปค้นเอาคุณงามความดีเหล่านี้ที่เขาทำ มายกย่องให้เป็นที่รู้กันของคนหมู่มาก
กลายเป็นว่า คนที่ทำดีก็ทำไป ทำดีร้อยครั้ง จะมีคนเห็นสักครั้งก็ยาก แต่ถ้าทำชั่วครั้งเดียวโดนด่าจมธรณีไปเลย ดังนั้น..ถ้าไม่ใช่บุคคลที่ทำดีเพราะอยากทำ ทำดีจากกมลสันดานจริง ๆ ก็ไม่สามารถที่จะดำรงอยู่ในวงข้าราชการนี้ได้นาน ไม่นานก็จะโดนกลืน โดนครอบ กลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับพวกที่ไม่เอาไหน"
__________________
........................
เกิดมาทั้งที เอาดีให้ได้ ตายไปทั้งที ฝากดีเอาไว้ อยู่ให้เขาเกรงใจ ไปให้เขาคิดถึง
จะเช มัตตา สุขังธีโร ปัญญาชน พึงสละสุขส่วนตน เพื่อสุขยิ่งใหญ่ของส่วนรวม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เถรี : 21-04-2012 เมื่อ 19:34
|